ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์เพื่อฟื้นฟูการปกครองของพลเรือนในเมียนมาอ้างว่า พวกเขาสามารถยึดครองดินแดนได้ใหม่ ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศติดกับชายแดนอินเดีย ท่ามกลางสถานการณ์รบต่อต้านกองทัพเมียนมาที่ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ

มีรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า นักรบของกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ในรัฐชิน สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ด่านหน้าทางทหารของกองทัพเมียนมาได้ 2 แห่ง บริเวณชายแดนเมียนมาที่ติดกับรัฐมิโซรัมของอินเดีย หลังจากการสู้รบที่กินเวลานานหลายชั่วโมงเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) 

การรุกคืบยึดดินแดนเพิ่มเติมโดยกองกำลังชาติพันธุ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากความสำเร็จในการยึดดินแดนบางส่วนของรัฐยะไข่ที่อยู่ใกล้เคียง และรัฐฉานทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นปฏิบัติการรุกดินแดนภายใต้การปกครองของเผด็จการเมียนมา ที่ผ่านการประสานงานกันระหว่างกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ก่อน

เมียนมาตกอยู่ในวิกฤติเมื่อ มินอ่องหล่ายน์ นายพลอาวุโสของกองทัพเมียนมา เข้ายึดอำนาจผ่านการทำรัฐประหารในปี 2564 โค่นล้มอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี ซึ่งนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ของประชาชน และพัฒนาไปสู่การต่อต้านด้วยอาวุธ เมื่อกองทัพเมียนมาใช้กำลังปราบปรามพลเรือนฝ่ายตรงข้าม

ซุยคาร์ รองประธานกรรมการแนวร่วมแห่งชาติชิน (CNF) กล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า การยึดดินแดนในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่นักรบของกองกำลังชาติพันธุ์ราว 80 คน เข้าโจมตีค่ายทหารยีห์คาวดาร์ และคาวมาวีในรัฐชินเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันจันทร์ ก่อนจะสามารถเข้าควบคุมด่านทั้ง 2 แห่งได้สำเร็จในที่สุดหลังจากการสู้รบนานหลายชั่วโมง

ซุยคาร์ ระบุเสริมว่าในขณะนี้ CNF จะพยายามรวบรวมอำนาจการควบคุมของกลุ่มชาติพันธุ์ ตามแนวชายแดนอินเดีย-เมียนมา ซึ่งกองทัพเมียนมามีค่ายทหารตั้งอยู่อีก 2 แห่ง โดยรองประธานกรรมการ CNF กล่าวว่า “เราจะก้าวไปข้างหน้า กลยุทธ์ของเราคือจากหมู่บ้านสู่เมืองสู่เมืองหลวง”

ทั้งนี้ บรรดานายพลของกองทัพเมียนมา ซึ่งรับทราบถึงระดับความท้าทายที่มีต่อระบอบการปกครองของตัวเอง ได้ขยายการประกาศใช้กฎอัยการศึกไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

บนโพสต์โซเชียลมีเดียของเมียนมามีการระบุว่า กองทัพเมียนมาบังคับใช้เคอร์ฟิวในช่วงตอนกลางคืนในเมืองซิตตเว เมืองหลักของรัฐยะไข่ โดยมีรายงานบางส่วนระบุว่ากองทัพเมียนมาได้นำรถถังมาจอดไว้บนท้องถนน “เราเห็นรถถังวิ่งไปทั่วเมือง วันนี้ร้านค้าหลายแห่งปิดทำการ” ชาวบ้านคนหนึ่งบอกกับสำนักข่าว Reuters โดยปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตน เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

มีรายงานพบการสู้รบเกิดขึ้นทั่วรัฐยะไข่ ตามการระบุของชาวบ้าน 2 คน และโฆษกกองทัพอาระกัน (AA) ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อสู้เพื่อเอกราชจากกองทัพเมียนมา ก่อนที่กองทัพ AA จะสามารถเข้ายึดฐานทัพทหารในเมืองระเทด่อง และเมืองมินบยาได้สำเร็จ

ชาวบ้านในเมืองยะเต๊ด่าว กล่าวกับสำนักข่าว Reuters เมื่อวันอังคาร (14 พ.ย.) ว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกถล่มยิงด้วยปืนใหญ่ตลอดทั้งคืน และทหารได้เข้าไปในเมืองแล้ว “ปืนใหญ่ตกบนถนนในเมืองยะเต๊ด่าวเมื่อคืนนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตโดยทันที ผู้คนเริ่มหลบหนีออกจากเมือง ตอนนี้ทหารอยู่ในเมืองแล้ว” ชาวบ้านผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว

แม้จะมีประวัติศาสตร์อันโหดร้ายของความรุนแรงในชุมชน และการปราบปรามของทหารต่อชาวโรฮิงญาที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมในปี 2560 แต่รัฐยะไข่ก็กลายมาเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบมากขึ้นแห่งหนึ่งของเมียนมา หลังจากการทำรัฐประหาร อันเป็นผลมาจากการหยุดยิงอย่างไม่เป็นทางการระหว่างกองทัพ AA และกองทัพเมียนมาที่ทำข้อตกลงกันเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้

ข้อตกลงดังกล่าวเริ่มไม่มีผลในเดือน พ.ย. 2564 ในขณะที่กองทัพ AA เข้ายึดอำนาจการควบคุมทางการเมืองเหนือรัฐชิน ทั้งนี้ กองทัพ AA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 เพื่อผลักดันให้ชนชาติพันธุ์ของตัวเองมีอำนาจในการกำหนดชะตากรรมตัวเองภายในเมียนมา โดยสมาชิกส่วนใหญ่ของกองทัพ AA เป็นตัวแทนของชาวพุทธในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของรัฐ 

ทั้งนี้ มีกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อื่นๆ ในเมียนมาจำนวนมาก ที่ทำการต่อสู้กับกองทัพเมียนมามานานหลายทศวรรษก่อนหน้านี้


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/11/14/myanmar-fighting-intensifies-near-india-border-curfew-imposed-in-sittwe?fbclid=IwAR27Yi2_qfQ0_97zdWIttY2yhcoaCQcMFe7WhS7X8JzI8gsibw31FbvOpV0