ไม่พบผลการค้นหา
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดนสระแก้ว มอบสิ่งของและสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ คฝ.ประจำแนวชายแดน เพื่อเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

วันนี้ (13 ตุลาคม 2568) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ พร้อมคณะเดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่แนวหน้ารวมถึงได้มอบสิ่งของเพื่อการดำรงชีพและที่สำคัญคือการพูดคุยสอบถามว่าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมบ้างหรือไม่ โดยเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจด้านในทุกคนมีกำลังใจดีมาก โดยทางผู้บังคับบัญชาได้พูดคุยและปรึกษารวมทั้งการเตรียมอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพเข้ามาในพื้นที่ภายใต้กฎหมายอัยการศึก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้กล่าวถึงสภาพด้านในพื้นที่ศูนย์อพยพบ้านหนองจานในอดีต ปัจจุบันมีสภาพบ้านเรือนของชาวกัมพูชาจำนวนห้าหลังซึ่งผู้อาศัยได้ย้ายออกไปทั้งหมดแล้ว แต่ในส่วนของพื้นที่ลึกเข้าไปด้านในลักษณะเป็นชุมชนที่หนาแน่นซึ่งเราได้กั้นแนวเอาไว้แล้วและยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเกิดขึ้น โดยได้กล่าวว่าทุกขั้นตอนทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจควบคุมฝูงชนทำงานตามขั้นตอนปฏิบัติและได้มีการถอดบทเรียนจากการปะทะกับชาวกัมพูชาครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามก็มีการพัฒนายุทธวิธีที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นซึ่งเราก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างสูงสุดภายใต้เงื่อนไขของยุทธการทหารและตำรวจจะยังคงทำหน้าที่เพื่อรักษาอธิปไตยและปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายอย่างรอบคอบซึ่งเชื่อว่าตำรวจชุดควบคุมฝูงชนมีความชำนาญ ในการระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ได้อย่างเรียบร้อย นอกจากนี้ตำรวจในพื้นที่ ที่อยู่แล้วชายแดนไทยกัมพูชาจะยังคงทำหน้าที่ในการพิทักษ์แนวหลังกรณีเกิดการอพยพเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังได้กล่าวถึง กรณีจับแรงงาน กัมพูชาที่ ลักลอบข้ามแดนจำนวน 37 ราย ดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์ที่ประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จะมีมาตรการที่จะผลักดันออกนอกพื้นที่ทันที โดยแรงงานทั้ง 37 คนที่จับได้ในช่วงเช้ามืดวันนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องที่พัฒนารูปแบบในการลักลอบข้ามแดนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานก็ได้พัฒนายุทธวิธีในการกดดันจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันให้คนเหล่านี้ลักลอบเข้ามาในพื้นแผ่นดินไทย เป็นการร่วมกันทำงานของหลายหน่วยงานโดย เฉพาะการใช้เทคโนโลยี โดรนตรวจจับความร้อน เข้ามาปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการปฏิบัติงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยแรงงานทั้ง 37 คน เมื่อเห็นโดรนติดตามก็จะจนมุมไม่สามารถหนีได้

โดยเจ้าหน้าที่ที่ทำการจับกุมยอมรับว่า โดรนเป็นหัวใจหลักสำคัญและหากมีปริมาณเพิ่มเติมเข้ามาในพื้นที่ทางโคกสูง ตาพระยา กระจายตัวทำงานก็จะสามารถเชื่อมโยงการปฎิบัติงานในการจับแรงงานลักลอบข้ามแดนได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับการจับกุมดังกล่าว อยู่ในบริเวณพื้นที่รอยต่อบ้านหนองจานและบ้านอ่างศิลา เป็นป่ารอยต่อที่แรงงานทั้ง 37 คนถูกนำพาโดยคนกัมพูชาด้วยกันเอง ผ่านด่านทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้รับการเก็บกู้เข้ามายังฝั่งไทย โดยพฤติการณ์มีการนำแรงงานเข้ามาปล่อยครั้งละห้าถึงเจ็ดคนเจ้าหน้าที่พบเห็นตั้งแต่ช่วงเวลา 02:00 น. และได้ทยอยกดดันให้มารวมตัวกันและสามารถจับกุมได้ทั้งหมด 37 คน ในเวลา 04:00 น. ที่ผ่านมา โดยทั้งจำนวน 37 คน แยกเป็นชาย 22 คนและหญิง 15 คน รวม 37 คน

จากการสอบถามเบื้องต้น โดยผ่านล่ามแปลภาษากัมพูชา แรงงานทั้งหมดยอมรับว่าหลังจากที่เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อหลายเดือนก่อน โดยเชื่อว่าจะมีงานทำตามที่รัฐบาลกัมพูชาบอก แต่พอกลับมาที่ประเทศกัมพูชาแล้ว กลับไม่มีงานทำตามคำบอกเล่าของรัฐบาลกัมพูชา พวกตนจึงคิดจะหางานทำเนื่องจากครอบครัวกำลังขาดแคลนอาหาร จึงพยายามดิ้นรนลักลอบเดินทางข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งประเทศไทย เพื่อกลับไปทำงานกับนายจ้างคนไทยที่พวกตนเคยทำมาก่อน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจับกุมเสียก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวแรงงานกัมพูชาทั้งหมด ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร สภ.โคกสูงดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป




กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์