ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบวาระสาม ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ เดินหน้าปลดล็อก รฟม. ให้สามารถออกข้อบังคับ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ หวังพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของประเทศให้เชื่อมโยงกัน ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น

วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล  สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารร่าง พ.ร.บ.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ วุฒิสภา พิจารณาเสร็จแล้ว นายวุฒิชาติ  กัลยาณมิตร ประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ มีจำนวน 10 มาตรา เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 โดยมีการแก้ไขวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้มีความคล่องตัว มีการปรับปรุงการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ เกี่ยวกับการออกพันธบัตร การจัดการและจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สิน และการดำเนินการของ รฟม. ให้มีความชัดเจนภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจในการออกข้อบังคับของคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้มีความคล่องตัวและลดขั้นตอนดำเนินการ และแก้ไขเพิ่มเติมการนำเงินรายได้ที่ รฟม. ได้รับมาหักรายจ่ายที่จำเป็นก่อนส่งเป็นรายได้ของรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ ฉบับเดิมมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่สอดคล้องกับการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในปัจจุบัน จึงสมควรปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจกระทำการตามวัตถุประสงค์และการออกข้อบังคับของ รฟม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้การรถไฟฟ้าชนส่งมวลชนฯ สามารถใช้จ่ายเงินเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ อันจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของประเทศให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการใช้ระบบขนส่งมวลชน และส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในระยะยาว จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ กมธ.วิสามัญ ไม่มีการแก้ไข และมีผู้ขอสงวนคำแปรญัตติในมาตรา 3

นางสาวรัชนีกร  ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดพังงา ในฐานะผู้สงวนคำแปรญัตติ กล่าวอภิปรายว่า ตนเสนอให้เพิ่มถ้อยคำที่ระบุว่าธุรกิจอื่นที่ รฟม. ดำเนินการจะต้องเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการรถไฟฟ้า แม้เจตนาของการบัญญัติถ้อยคำลักษณะนี้จะต้องการเปิดโอกาสให้ รฟม. หาได้รายเพิ่ม ลดภาระรัฐบาล และสร้างความมั่นคงทางการเงิน แต่หากถ้อยคำถูกเขียนไว้กว้างเกินไป โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจอื่น ส่วนตัวเห็นว่าอาจจะนำมาซึ่งปัญหาสำคัญ 4 ประการ คือ 

1. การออกนอกภารกิจหลัก โดย รฟม. อาจเข้าไปดำเนินธุรกิจใดๆ ก็ได้ เช่น ธุรกิจที่พัก หรือกิจการที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบราง ซึ่งภารกิจหลักของ รฟม. คือการบริหารรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเข้าถึงประชาชน 

2. ความไม่เป็นธรรมทางการแข่งขัน รฟม. เป็นหน่วยงานรัฐที่มีทรัพยากรและสิทธิพิเศษ หากเปิดกว้างให้ทำธุรกิจทุกประเภท อาจเป็นการแข่งขันกับภาคเอกชนในตลาดที่ไม่ควรแข่งขัน 

3. ความเสี่ยงต่อการใช้ทรัพย์สินของรัฐไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะการบริหารที่ดินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลโดยไม่ผูกพันกับพันธกิจหลัก อาจนำไปสู่ความไม่โปร่งใส หรือการใช้ทรัพยากรที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

4. การใช้ที่ดินที่มาจากการเวนคืนผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากการนำที่ดินที่เวนคืนมาไปใช้ในกิจการเชิงพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบราง อาจถูกตีความว่าผิดวัตถุประสงค์ของการเวนคืน และนำไปสู่ปัญหาด้านกฎหมาย การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของเดิม รวมถึงกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลในการเวนคืนที่ดินในอนาคต ตัวอย่างเช่นคดีในอดีตที่ศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาเกี่ยวกับการนำที่ดิน รฟม. ไปให้คอนโดมิเนียมใช้เป็นทางเข้าออกและที่จอดรถ ดังนั้น การปรับถ้อยคำจะช่วยให้ รฟม. สามารถพัฒนาธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่สอดคล้องกับธุรกิจหลัก เช่น การพัฒนาพื้นที่รอบสถานี (TOD) หรือธุรกิจบริการต่อเนื่อง แต่ไม่เปิดกว้างจนเกินไป พร้อมเสนอให้มีกลไกกำกับตรวจสอบ เช่น การให้คณะรัฐมนตรีรับรอง หาก รฟม. จะทำธุรกิจใหม่ที่อยู่นอกเหนือกรอบที่กำหนด

นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ รฟม. กล่าวชี้แจงว่า การปรับปรุง พ.ร.บ. ในมาตรานี้ คือ การตัดคำว่า "ในประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าออกไป เนื่องจาก รฟม. พบข้อจำกัดในการดำเนินงานที่ผ่านมา ทั้งเหตุผลด้านรายได้ เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ และแม้ว่า รฟม. จะเปิดให้บริการ 4 เส้นทางแล้ว ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สีม่วง สีชมพู สีเหลือง มีผู้ใช้บริการสูงสุดประมาณ 7-8 แสนเที่ยวคนต่อวัน แต่การใช้บริการยังไม่เต็มศักยภาพ และรายได้ที่ได้รับมายังไม่ถึงจุดที่มีความคุ้มค่าในการลงทุน ขณะที่ความจำเป็นด้านธุรกิจอื่น จำเป็นต้องมีการส่งเสริมและกระตุ้นการใช้บริการ ซึ่งการสร้างรายได้ไม่ควรจำกัดเฉพาะค่าโดยสาร แต่รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายได้อย่างกว้างขวาง เช่น การจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) ที่จะส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบหลัก ส่วนการกำกับดูแลนั้น รฟม. ยืนยันว่าการดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และอยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบของภาครัฐอยู่แล้ว ส่วนการใช้ที่ดินเวนคืนนั้น พื้นที่ที่ได้จากการเวนคืนมีเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ ซึ่งต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน และหน่วยงานได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

‎ภายหลังจาก สว. ได้อภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติในวาระที่ 3 ผลปรากฏว่า ที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบด้วยกับสภาผู้แทนราษฎร ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 145 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะ กมธ.วิสามัญ ขั้นตอนต่อไปจะส่งร่างกฎหมายฉบับนี้ไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป