วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สถานการณ์พื้นที่ไทย – กัมพูชา จากท่าทีของการลดกำลังของทั้งสองประเทศ ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการสื่อสารคล้ายกันในหลายอย่าง การที่จะกล่าวว่าถอยของทั้งสองฝ่าย ไม่อยากจะใช้คำดังกล่าว ขอใช้คำว่า ปรับกำลัง ซึ่งจากการที่ได้มีการร่วมเจรจาพูดคุยกันของทั้งสองประเทศ ได้มีการปรับกำลังทั้งสองฝ่าย เพราะจะเป็นการให้เกียรติทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่ประเทศกัมพูชาอย่างเดียวแต่รวมถึงประเทศไทยด้วย และจากสถานการณ์ดังกล่าว ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือประเทศไทยก็ได้มีการเตรียมความพร้อมเช่นกันไม่ว่าในกรณีถ้ามีการปะทะ ในรูปแบบใด ๆ เราต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อนอย่างที่ได้เคยกล่าวไว้
ในส่วนของกรณีการบุกยื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ของ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวตนเองได้รับทราบแล้วแต่ยังไม่เห็นหนังสือในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามทุกความคิดเห็น รัฐบาลพร้อมที่จะรับฟัง ซึ่งสิ่งที่เราได้ดำเนินการทำอยู่นั้นทุกหน่วยงานอย่าง กองทัพก็ได้มีการวางกำลังและหน่วยในการดูแลอยู่แล้ว
ในประเด็นของเรื่องการที่ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกและประเด็นการยกเลิก MOU 43 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องดังกล่าวขอสื่อสารว่า ประเทศไทยขอพิจารณาเป็นเรื่องต่อเรื่องเหมือนที่ได้ยืนยันกับทางด้านประเทศกัมพูชาว่า ขอมุ่งเน้นที่เรื่องขอพิพาทในส่วนดังกล่าว ไม่ใช่เอาทุกเรื่องมาปนเข้าด้วยกันไม่อย่างงั้นแล้วจะเกิดความไม่ชัดเจนในแต่ละหัวข้อ แต่แน่นอนว่าเรื่องที่มีปัญหาหรือยังไม่ชัดเจนรัฐบาลและฝ่ายบริหารจะต้องพิจารณาในเรื่องดังกล่าว พร้อมกับกล่าวย้ำว่า รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาทีละปัญหา ทั้งนี้ ในเรื่องของประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว รัฐบาลพูดคุยด้วยความจริงใจ และเราไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศมีปัญหากัน ต้องการขับเคลื่อนประเด็นทางเศรษฐกิจมากกว่าที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสนามรบ