วันนี้ (7 กันยายน 2568) เวลา 12.15 น. ณ ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงแก่สื่อมวลชนภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการ โดยกล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ โดยตระหนักดีว่า การเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้อาจมีข้อจำกัดหลายด้าน แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกคน จะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่โดยเร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้มอบความไว้วางใจ ผ่านการลงคะแนนเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่สนับสนุนให้ตนเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และขอบพระคุณพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปไตยใหม่ รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ให้ความไว้วางใจจนทำให้รัฐบาลชุดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้รัฐบาลจะมีข้อจำกัดด้านเวลาการทำงาน เนื่องจากข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่ารัฐบาลจะทำงานด้วยความทุ่มเท เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพี่น้องประชาชน และนำประเทศไทยให้หลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติ รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหา 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามและส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน คือ
1. ปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลจะดำเนินมาตรการ ลดรายจ่าย ค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ขนส่ง ให้แก่ประชาชน แก้ปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน และชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานรากของสังคมไทย
2. ปัญหาความมั่นคง รัฐบาลจะดำเนินมาตรการแก้ปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพ ลดการสูญเสียของประชาชน โดยยึดหลักการประเทศไทยต้องไม่เสียดินแดน และคนไทยต้องไม่เสียประโยชน์ การชดเชยให้กับประชาชนผู้ประสบภัย ต้องได้รับอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทุกหลังคาเรือน
3. ปัญหาภัยธรรมชาติ รัฐบาลจะจัดทำระบบเตือนภัย ระบบป้องกันภัย ระบบการเยียวยาฟื้นฟู และระบบการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัย อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที สมเหตุสมผล และเป็นธรรม
4. ปัญหาภัยสังคม รัฐบาลจะปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนัน และการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง โดยสร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ เพื่อกำจัดภัยสังคมทุกรูปแบบ
การแก้ไขปัญหาทั้ง 4 ด้านที่ได้กล่าวไปแล้ว จะต้องดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยอาศัยความร่วมมือและการประสานงานจากทุกฝ่าย นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ และคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ จะสามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวหรือทดลองงาน ทุกคนพร้อมปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังตั้งแต่วินาทีที่ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้จะยึดมั่นในหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ให้เป็นไปตามกระบวนการทำงาน ตามกลไกที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม ไม่มีการกลั่นแกล้ง ยัดเยียด หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ รัฐบาลจะทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความโปร่งใส เปิดเผย ตรวจสอบได้ และสามารถอธิบายให้ประชาชน รวมถึงคู่ความ ได้รับทราบอย่างชัดเจน หากมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง จะเร่งดำเนินการแก้ไขโดยทันที ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยขอให้พี่น้องประชาชนโปรดติดตามและให้ความไว้วางใจในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ด้วยความเชื่อมั่น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้มีเป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นตามกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเร็วๆ นี้ และเมื่อถึงเวลานั้น รัฐบาลชุดนี้จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายในกรอบเวลา 4 เดือน ตามที่ได้มีข้อตกลงกับพรรคประชาชนไว้ เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในการกำหนดอนาคตของประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตามแม้เวลาที่มีอยู่จะไม่มากนัก แต่มั่นใจว่า ด้วยการสนับสนุนจากทุกฝ่าย และความทุ่มเทในการทำงานอย่างเต็มกำลัง จะสามารถก้าวข้ามวิกฤติและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศได้ ดังนั้น ตลอดระยะเวลา 4 เดือนนี้ รัฐบาลจะไม่มีวันหยุด ไม่มีการพักร้อน และจะไม่ยอมให้ความเจ็บป่วยหรือข้ออ้างใด ๆ มาขัดขวางการทำงาน ทุกคนต้องยืนหยัดทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่
รัฐบาลชุดนี้จะเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้ก้าวพ้นวิกฤติภายในเวลาที่มีอยู่ พร้อมทั้งสร้างรากฐานที่มั่นคง เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถสานต่อการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยยึดมั่นในเจตนารมณ์ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคงในชีวิตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังมุ่งสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อร่วมกันเป็นพลังในการพัฒนาประเทศไทยที่รักของเราสืบต่อไป
"ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่มอบความไว้วางใจต้องสูญเปล่า และจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถในการทำงาน เพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และด้วยความตั้งใจแน่วแน่ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนทุกคนให้สมกับความไว้วางใจที่ท่านได้มอบให้ในการเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้" นายกรัฐมนตรีกล่าวช่วงท้าย