วันนี้ (5 ตุลาคม 2568) น.ส. ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึง กรณีการตอบคำถามของนาย อนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ในวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งมีช่วงหนึ่งระบุถึง ข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ในประเด็นการร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยระบุว่า คำพูดของนายอนุทิน ทำให้เกิดความน่ากังวล เนื่องจาก ใน MOA ระหว่างส้ม-น้ำเงินนั้น มีการระบุถึงตัวละครทั้งหมด 3 ตัวละครด้วยกัน ที่จะร่วมกันผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ ครม., พรรคภูมิใจไทย, และพรรคประชาชน แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของนายกรัฐมนตรีในวันนั้น กลับไม่มีการพูดถึงการเตรียมเสนอร่างของ ครม. เลย อีกทั้งยังเปิดทางให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นเป็นอื่นได้ รวมทั้งการที่ระบุว่า ไม่สามารถที่จะพูดคุยกับ สว. เพื่อให้ร่วมเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ด้วย
เรื่องนี้น่ากังวลใจอย่างยิ่ง เพราะไม่มีสิ่งใดการันตีได้เลยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้ได้มาซึ่ง สสร.ที่มีความยึดโยงกับประชาชน เหมือนที่ร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเสนอไว้
คำพูดของนายอนุทินนั้นทำให้เข้าใจได้ว่า ร่างที่จะผ่านการให้ความเห็นชอบของรัฐสภา อาจจะมีเพียงร่างเดียว คือ ร่างของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น หรือหากผ่านทั้งหมดก็อาจจะมีการใช้ร่างของภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก ซึ่งเป็นร่างที่ไม่มีพี่น้องประชาชนอยู่ในสมการเลย และตอนนี้ร่างของ ครม. ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการเสนอมาด้วยหรือไม่
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ถอนร่างเสนอแก้ไขของทั้ง 2 พรรคออกมาก่อน และให้ทั้งสองพรรคไปพูดคุยกันให้ชัดเจนว่า จะเลือกแนวทางการได้มาซึ่ง สสร. อย่างไร เพราะตอนเซ็น MOA ระบุว่าจะให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้ ทั้งสองพรรคคู่รัก MOA ก็ควรที่จะหาทางออกร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ สสร. มีความเกี่ยวข้องยึดโยงกับประชาชนได้มากที่สุด
เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญใน MOA อย่าทำเหมือนว่าพวกท่านแยกกันเดิน โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่เชื่อว่าตนเองมีอำนาจต่อรองรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ควรต่อรองเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่เช่นนั้นท่านเองจะถูกครหาได้ว่า อ้างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อการหาเสียงเท่านั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยเองก็ควรไว้หน้าผู้ให้กำเนิดรัฐบาลบ้าง อย่าทำอะไรที่พี่น้องประชาชนเขาดูออกว่า จะเป็นการเดินหน้าสู่ “รัฐธรรมนูญฉบับแกงส้ม ต้มประชาชน” ส่วนจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ค่อยไปลุ้นเอาทีหลัง