ไม่พบผลการค้นหา
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบรางวัล งานประกาศรางวัล องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี พ.ศ. 2568 ย้ำ ถ้าเรามีความคิดว่ามนุษย์ทุกคนเป็นพี่ญาติน้องกันนี้คือสิทธิมนุษยชนแล้ว

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานพิธีมอบรางวัล งานประกาศรางวัล องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ ห้องอัศวิน แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้กล่าวเปิดงานโดยระบุว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมกับทุกท่านใน “งานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568” วันนี้ ผมขอชื่นชมกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ที่ได้ขับเคลื่อนโครงการสำคัญนี้อย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมงาน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะทำให้สิทธิมนุษยชน ไม่ใช่เพียงถ้อยคำในกฎหมาย แต่เป็นคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นธรรมตามความเป็นจริงและความสุขสมบูรณ์ในชีวิตของประชาชนทุกคน

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดทำ แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566–2570) และ แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับ สิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566–2570) เพื่อเป็นเข็มทิศ ในการยกระดับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะครอบคลุม สิทธิ 5 ด้าน (การเมืองการปกครอง / กระบวนการยุติธรรม / สาธารณสุข / การศึกษา / เศรษฐกิจและธุรกิจ) และ กลุ่มเป้าหมาย 11 กลุ่มสำคัญ (ผู้ใช้แรงงาน / ผู้เสียหายและเหยื่อ / เด็กและสตรี / นักปกป้องสิทธิมนุษยชน / ผู้สูงอายุ / ผู้เสพยาเสพติด / บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ / บุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน และกลุ่มชาติพันธุ์ / คนพิการ / ผู้ต้องหา ผู้ต้องขัง และผู้พ้นโทษ / ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยจิตเวช) ในส่วนของแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน จะครอบคลุม 4 ด้าน (แรงงาน / ชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม / นักปกป้องสิทธิมนุษยชน / การลงทุนระหว่างประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ)

อย่างไรก็ดี เราต้องยอมรับว่าในสายตานานาชาติ ประเทศไทย ยังมีข้อกังวลที่ต้องเร่งแก้ไข ได้แก่ เสรีภาพในการแสดงออกและ การรวมกลุ่ม ความเป็นอิสระและความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรม การคุ้มครองสิทธิแรงงานและแรงงานข้ามชาติ ความแออัดและสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้เสพ/ผู้ใช้สารเสพติด ผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ ผู้ป่วยจิตเวช LGBTQ+ และคนไร้บ้าน ข้อสังเกตเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้ เรารู้สึกถูกตำหนิ แต่เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ด้วยมาตรการที่เข้มแข็งขึ้น

โครงการ “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน” จึงถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยแปลงแผนระดับชาติมาสู่การปฏิบัติจริง ผ่านการสร้างตัวอย่างที่ดี (Best Practice) ที่ไม่เพียงยกระดับองค์กรของท่าน แต่ยังช่วยขยายผลสู่เครือข่ายและสังคมวงกว้าง ความเป็นจริงสิทธิมนุษยชนต้องมีการเริ่มต้นจาก “ความคิด” คำกล่าวที่ว่ามนุษย์ทุกคนเป็นเชลยของความคิดและปัญญา ที่ความคิด จะเปลี่ยนเป็นคำพูด เปลี่ยนเป็นการกระทำ เป็นนิสัย และเป็นพฤติกรรม ที่พูดรวมได้ว่า “ความคิดที่คุณมี คือ ชีวิตที่คุณเลือก” ดังนั้นถ้าเรามีความคิดว่ามนุษย์ทุกคนเป็นพี่ญาติน้องกัน นี้คือสิทธิมนุษยชนแล้ว

ดังนั้นการเลือกปฏิบัติ หรือการด้อยค่า ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ด้วยเหตุ แห่งความแตกต่าง เช่น เชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ ความพิการ สถานะ ทางสังคม ความคิดเห็น หรือแม้แต่สถานะของผู้ติดและผู้ใช้สารเสพติด ผู้ต้องโทษและผู้พ้นโทษ จะไม่มี หรือถ้ามีก็จะได้รับการต่อต้านจากสังคม นี่คือ หลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม ที่จะทำให้ประชาชนไทยทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเข้าถึงความสุขสมบูรณ์ในชีวิตได้จริง ในโอกาสนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับทุกองค์กรที่ได้รับรางวัล

และขอเป็นกำลังใจให้ทุกองค์กรที่กำลังขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชน อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว ผมขอประกาศเปิด “งานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568”

#ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน #สิทธิมนุษยชน #Voice