ไม่พบผลการค้นหา
"พล.อ.อ.ประจิน" หนุนประชารัฐพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ย้ำ ‘ดิจิทัล’ พาชาติพ้นกับดักความเหลื่อมล้ำ พร้อมปักหมุดสู่แชร์แมนสมาร์ทซิตี้อาเซียน

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานเปิดงานด้านเมืองอัจฉริยะ และได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “บทบาทของ City Data กับการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ” ในงาน Digital Thailand Big Bang 2018 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต กระจายความเจริญให้กับประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเมือง และมอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อเสนอร่างยุทธศาสตร์และแผนแม่บท บูรณาการการดำเนินงาน ตลอดจนเอื้ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้เกิดกลไกต่างๆ ในการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดผลเป็นรูปธรรม


IMG_20180922_105225.jpg


รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ เป็นเมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง ลดค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากร โดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจและภาคประชาชน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ทันสมัย ให้ประชาชนในเมืองอยู่ดี มีสุข อย่างยั่งยืน

นอกจากการกำหนดกรอบการพัฒนาเมือง 6 ด้านแล้ว ยังคำนึงถึงการใช้เครื่องมือต่างๆ ของภาครัฐเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ อาทิ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและทักษะ การลดช่องว่างทางกฎหมาย หรือมาตรการของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาเมือง

คณะกรรมการฯ จึงได้พิจารณาแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่กำหนดเป้าหมายเมืองอัจฉริยะ เป็น 2 กลุ่ม คือ 1) เมืองน่าอยู่ หรือสมาร์ทซิตี้เมืองเดิม 2) เมืองใหม่อัจฉริยะ โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาในปีที่ 1 จำนวน 7 เมือง ได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา และในปีต่อๆ ไป จนครบ 77 จังหวัด และเปิดโอกาสให้เมืองที่สนใจเข้าสู่กระบวนการพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะ ซึ่งต้องเริ่มจากการประเมินความพร้อมของตนเองก่อน และเข้าขั้นตอนการประเมินเมืองตามเกณฑ์ 8 ข้อ จากนั้นจะได้เข้าสู่กระบวนการขับเคลื่อนเป็นเมืองอัจฉริยะ


IMG_20180922_115948.jpg


พล.อ.อ.ประจิน กล่าวย้ำว่า นอกจากการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในภาพใหญ่แล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญในเชิงพื้นที่ มุ่งเน้นให้เกิดการบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน สร้างโอกาสในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างรายได้ให้แก่ตนเองและชุมชน เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม 

พล.อ.อ.ประจินยังระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วประเทศ และกระตุ้นให้เกิดการต่อยอด เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้ประชาชนในชุมชนผ่านอีคอมเมิร์ซ และยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ การเรียนรู้ การเข้าถึงบริการของรัฐ การทำการเกษตรยุคใหม่ รัฐบาลเร่งปรับฐานเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัลผ่านโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านสมาร์ทซิตี้ที่จะส่งให้ไทยเป็นผู้นำด้านการค้าการลงทุน และการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค ซึ่งเราเข้าใกล้ความสำเร็จเป็นอย่างมาก เห็นได้จากในทุกๆ การจัดอันดับเมืองอัจฉริยะของสถาบันต่างๆ นั้น เรามีเมืองนำร่องที่ได้รับรางวัลในเวทีระดับโลก เช่น รางวัล IDC Smart City Asia Pacific (SCAPA) ประจำปี 2561  


IMG_20180922_115924.jpg


ปีที่ผ่านมาเป็นปีของการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกพื้นที่ จากนี้ไปประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนผ่านด้วยดิจิทัล และบิ๊กดาต้า ที่จะได้เห็นและรู้สึกได้อย่างชัดเจน คือการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ การกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะแบบก้าวกระโดดทั้งด้านการส่งเสริมธุรกิจด้านสมาร์ทซิตี้ การวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเมืองอัจฉริยะ 7 เมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่กำลังสร้าง digital park Thailand และกำลังสร้าง Smart EEC ในพื้นที่ 1,000 ตร.กม. โดยรอบ ควบคู่ไปกับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม รถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้น และได้จับมือกับเอกชนในเครือข่าย smart city alliance และบริษัทพัฒนาเมืองเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองเป็นสมาร์ทซิตี้

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมุ่งเน้นให้เกิด City Data Platform เพื่อหวังเป็นศูนย์กลางข้อมูลที่เกิดขึ้นจากภาคส่วนต่างๆ และข้อมูลที่ได้จากไอโอทีจากการติดตั้งเซ็นเซอร์ เพื่อนำข้อมูลในระดับบิ๊กดาต้ามาวิเคราะห์ผลเพื่อบริหารจัดการเมืองและต่อยอดในการทำโซลูชั่นของภาคเอกชน โดยอาศัยการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักความเหลื่อมล้ำ 

พล.อ.อ.ประจิน ทิ้งท้ายว่า ในปีหน้าไทยจะเป็นเจ้าภาพอาเซียนปี 2019 ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ASEAN smart city network ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการร่วมกันสร้างกรอบในการพัฒนาเมือง เริ่มที่ 26 เมืองในประเทศสมาชิก รวมทั้งเป็นประตูสู่ประเทศนอกอาเซียน และหน่วยงานพันธมิตรในการร่วมพัฒนาเมือง เช่น UNDP world bank เช่นกัน วันนี้ ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเดินไปข้างหน้า ทุกคนในชาติเองก็ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน ช่วยกันยกระดับประเทศให้ก้าวไปอีกขั้น โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :