ไม่พบผลการค้นหา
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดการประชุมเชิงวิชาการเสวนาเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปราชทัณฑ์ไทย หนุนเรือนจำและทัณฑสถาน เป็นสถานที่ตัดวงจรอาชญากรรม ทำให้ประเทศมั่นคง-ประชาชนปลอดภัย ทำให้สังคมสงบสุข

วันนี้ (28 พฤษภาคม 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการเสวนาเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปราชทัณฑ์ไทยภาคกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และกล่าวเสวนาในหัวข้อ "ทิศทางการปฏิรูปราชทัณฑ์ไทยในทศวรรษที่ 21" โดยมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม คณะผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ เข้าร่วม พร้อมทั้ง​ได้รับเกียรติจาก รศ.พันตำรวจโท ดร.กฤษพงศ์ พูตระกูล นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการพิเศษ ฝ่ายสำนักงานอัยการสูงสุด อ.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักวิชาการอาชญาวิทยา ร่วมเสวนาในครั้งนี้ ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอน จังหวัดนนทบุรี

ในการนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า หน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่แค่การกักขังผู้ต้องราชทัณฑ์เท่านั้น แต่มีหน้าที่ฟื้นฟูให้ผู้ต้องราชทัณฑ์เป็นคนใหม่ มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น รวมถึงการศึกษาที่ต้องทำให้ผู้ต้องราชทัณฑ์มีความรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ คือ หน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์จะต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นให้ได้ ต้องให้ประชาชนมองว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ตัดวงจรอาชญากรรม และเป็นสถานที่ที่ทำให้สังคมมีความปลอดภัยได้ หน้าที่ของเราไม่ได้จบแค่การดูแลเรือนจำ แต่คือการทำให้เรือนจำเป็นเรือนจำที่ประชาชนสามารถเชื่อถือ และชุมชนไว้ใจได้ การเสวนาในวันนี้จึงเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดใหม่ ๆ จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันหาทางออก และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สามารถปฏิบัติได้จริง และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาวต่อไปได้

เราต้องทำให้กรมราชทัณฑ์ อยู่ในใจคน เราต้องทำให้เรือนจำและทัณฑสถาน เป็นสถานที่ตัดวงจรอาชญากรรม ทำให้สังคมมั่นคงปลอดภัย ทำให้สังคมสงบสุข - พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า “ราชทัณฑ์ในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่แค่การกักขังหรือแก้แค้น แต่ต้องฟื้นฟูให้เขาเป็นคนใหม่ มีชีวิตใหม่ ราชทัณฑ์ต้องเอาหลักอาชญาวิทยามาใช้ วันนี้ราชทัณฑ์ต้องทำงานนอกเรือนจำ สิ่งแรกคือ ให้ ผู้บัญชาการเรือนจำทุกแห่งทั่วประเทศ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ให้มาพบยุติธรรมชุมชน และอย่างน้อยผู้ที่ออกจากเรือนจำต้องมีการศึกษา ต้องมีรายได้ และการสร้างคนจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญด้วย และเราต้องทำให้สังคมไม่ด้อยค่าคนที่ออกจากเรือนจำ และต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ เราต้องไม่ทำให้เสียโอกาส หากออกจากเรือนจำแล้วไม่มีการศึกษา ไม่มีรายได้เขาก็จะกลับมาอยู่ที่เดิม และอยากให้ราชทัณฑ์เป็นนักยุทธศาสตร์ ช่วยวางแผน แบบนักยุทธศาสตร์ ทางอาชญาวิทยา รวมทั้งช่วยแก้ปัญหายาเสพติด ด้วย โดยราชทัณฑ์ต้องเป็นมันสมองของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา”

โครงการประชุม​เชิงวิชาการ​ในครั้งนี้จัด​ขึ้น​ในรูปแบบ "เสวนาเชิงวิชาการ 4 ภาค" ประกอบด้วย ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยเปิดโอกาสให้แต่ละพื้นที่สะท้อนปัญหาและความต้องการที่แท้จริง อันจะนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการปฏิรูปอย่างยั่งยืน ภายใต้หัวข้อ "ขับเคลื่อนการปฏิรูปราชทัณฑ์ไทย Unlocking Corrections Reform : แลกเปลี่ยนสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน" เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาคราชการ นักวิชาการ ภาคประชาชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกระดับให้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ของระบบราชทัณฑ์ไทยในปัจจุบัน รวมถึงเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปที่สามารถขับเคลื่อนได้จริง สอดคล้องกับบริบทของแต่ละภูมิภาค และยึดหลักสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล