ไม่พบผลการค้นหา
มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลทั่วโลกใช้ อาจทำให้มีคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตกงาน 50 ล้านตำแหน่ง

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่นี้ ส่งผลให้เครื่องบินหลายร้อยลำต้องจอดนิ่ง โดยสภาพการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก หรือ WTTC ประเมินว่ากระทบการเดินทางร้อยละ 25 ในปี 2563 เวอร์จิเนีย เมสซินา กรรมการผู้จัดการ WTTC ระบุว่า การอยู่รอดของหลายบริษัทขึ้นอยู่กับว่าจะทนการไม่มีรายได้ใดๆ ไปอีกนานแค่ไหน ธุรกิจท่องเที่ยวจะลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

WTTC ยังประเมินว่าตำแหน่งงานประมาณร้อยละ 16 ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาจหายไป หรือคิดเป็นประมาณ 50 ล้านตำแหน่ง จากเมื่อปี 2562 ที่มีคนทำงานในอุตสาหกรรมท่อเงเที่ยวประมาณ 319 ล้านคน ในจำนวนนี้ คาดการณ์ว่าตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเอเชียจะหายไป 30 ล้านตำแหน่ง ในยุโรปจะหายไป 7 ล้านตำแหน่ง ทวีปอเมริกาประมาณ 5 ล้านตำแหน่ง และอีก 8 ล้านกระจายไปในทวีปอื่นๆ

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคิดเป็นร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมและตำแหน่งทั้งหมดบนโลก ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ธุรกิจที่ต้องพึ่งหานักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูง ส่วนบริษัทเรือสำราญก็จะเจ็บหนักเช่นกัน บางประเทศแบนไม่ให้เรือจอดเทียบท่า หลังมีการพบผู้ติดไวรัสโคโรนาในเรือสำราญหลายลำ จากข้อมูลธุรกิจการบินและเรือสำราญได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากกว่าธุรกิจโรงแรม

เมสซินาระบุว่า มาตรการบางอย่างของรัฐบาลไม่ได้ช่วยอะไร แต่อาจทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจยิ่งแย่ลง เพราะไม่เฉพาะเจาะลงมากพอ และไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าจะช่วยควบคุมโรคได้ เช่นการห้ามคนเดินทางไปหรือกลับจากบางประเทศอาจทำให้การเดินทางของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ลำบากขึ้น

WTTC ได้เรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ ยกเลิกหรือทำขั้นตอนการขอวีซ่าให้ง่ายขึ้น ตัดลดภาษีการท่องเที่ยว และเสมอมาตรการประตุ้นการท่องเที่ยว เมื่อสามารถควบคุมโรคระบาดได้แล้ว ขณะเดียวกันก็แนะนำให้ธุรกิจท่องเที่ยวมีความยิดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลื่อนกำหนดการออกไป แทนที่จะยกเลิกทริปไปเลย

อย่างไรก็ตาม เมสซินากล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคุ้นเคยกับความตกใจและฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว โดยการศึกษาวิกฤตกว่า 90 ครั้งทำให้เห็นว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 10 เดือนในการฟื้นตัว จากช่วง 10 ปีก่อนที่ต้องใช้เวลานานถึง 24 เดือน

 

ที่มา : Bloomberg, Reuters