ไม่พบผลการค้นหา
กกร. ตรวจสอบหาสาเหตุของเงินบาทแข็งผิดปกติ ซึ่งสวนทางกับพื้นฐานเศรษฐกิจ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบความผิดปกติในภาคการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่พุ่งสูงผิดปกติ

จากกรณีค่าเงินบาทแข็งค่ารวดเร็วและรุนแรงเป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค นับตั้งแต่ต้นปี 2568 พบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 7% ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชนสามสถาบัน (กกร.) ได้ทำการตรวจสอบหาสาเหตุของเงินบาทแข็งผิดปกติ ซึ่งสวนทางกับพื้นฐานเศรษฐกิจ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบความผิดปกติในภาคการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่พุ่งสูงผิดปกติ

รายงานการส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชาพบว่า หมวดที่มีมูลค่าสูงคือ “อัญมณีและเครื่องประดับ” แต่เมื่อเจาะลึกข้อมูลกลับพบว่าส่วนใหญ่เป็นทองคำ ซึ่งสร้างข้อสงสัย เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่กลับมีการนำเข้าสินค้าประเภทนี้ในปริมาณมากผิดปกติ

“เราทราบกันดีว่ากัมพูชามีปัญหาเรื่องสแกมเมอร์อยู่มาก ทำให้ กกร.ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดประเทศไทยจึงส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาสูงกว่าปกติ และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า จนเกิดข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องติดตามและจับตาอย่างใกล้ชิด” นายเกรียงไกรกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายเกรียงไกรย้ำว่า สิ่งที่ กกร.หยิบยกขึ้นมาเป็นเพียง “ข้อสังเกต” ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่สามารถยืนยันได้ 100% แต่ถือเป็นปัจจัยที่ไม่คาดคิด เพราะอาจเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจนอกระบบ

ตัวเลขการส่งออกทองคำไปกัมพูชาล่าสุดอยู่ที่ “หลักหมื่นล้านบาท” ซึ่งผิดไปจากอดีตที่ยอดไม่เคยสูงเช่นนี้ ขณะที่ในภาวะเศรษฐกิจจริงประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัว และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพิ่งปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งโดยปกติควรทำให้เงินบาทอ่อนค่า แต่กลับปรากฏว่าเงินบาทแข็งขึ้น สะท้อนถึงความผิดปกติที่ต้องจับตาต่อไป

เกรียงไกร เธียรนุกุลเกรียงไกร เธียรนุกุล