ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ชุมนุมชาวแอลจีเรียยุติการประท้วงและเฉลิมฉลองด้วยความยินดี หลัง ปธน. บูเตฟลิกา ประกาศลาออกจากตำแหน่งที่ยึดครองมานานเกือบ 20 ปี แต่ไม่อาจแก้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจได้ ทั้งยังป่วย-งดแถลงผ่านสื่อนานหลายปี

นายอับเดลาซิส บูเตฟลิกา ประธานาธิบดีแอลจีเรีย ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2562 ตามเวลาท้องถิ่นแอลจีเรีย หลังจากประชาชนราว 1 ล้านคน รวมตัวเดินขบวนขับไล่ทุกวันศุกร์ นับตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

ผู้ชุมนุมประท้วงให้เหตุผลว่า นายบูเตฟลิกาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่ล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองแตกในปี 2556 จึงต้องพักรักษาตัวและเดินทางไปพบแพทย์ที่ต่างประเทศอยู่เป็นประจำ

ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายบูเตฟลิกาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยได้ และไม่มีการเสนอแนวทางใดๆ ที่จะเป็นการช่วยเหลือหรือยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ทำให้รัฐบาลบูเตฟลิกาถูกประณามว่าต้องการยื้ออำนาจ แต่ไม่ใส่ใจการบริหารประเทศและความเป็นอยู่ของพลเมือง โดยผู้ประท้วงมองว่า ผู้นำที่ป่วยเรื้อรังวัย 82 ปีอย่างบูเตฟลิกาเป็นเพียง 'หุ่นเชิด' ของน้องชายตนเอง ซึ่งร่วมมือกับเครือข่ายคนสนิท กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่เบื้องหลัง

ทั้งนี้ บูเตฟลิกาเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำแห่งความปรองดอง เนื่องจากเขาได้รับเลือกตั้งเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2542 หลังเจรจาต่อรองยุติสงครามกลางเมืองแอลจีเรีย แต่หลังจากที่เขาอยู่ในตำแหน่งและปรับแก้กฎหมายเพื่อให้ประธานาธิบดีรับวาระต่อเนื่องได้เกิน 3 สมัย ก็ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นผู้นำเผด็จการที่ต้องการกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ และอยู่ในตำแหน่งมานานเกือบ 20 ปี

กระแสต่อต้านบูเตฟลิกาเริ่มขึ้นเมื่อปี 2557 ซึ่งเขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4 และชนะการเลือกตั้ง แต่ประชาชนจำนวนมากเริ่มไม่พอใจที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการปกครองหรือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และบูเตฟลิกาก็ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะหรือแถลงข่าวผ่านสื่ออย่างเป็นทางการอีกเลยในช่วง 7 ปีหลังของการดำรงตำแหน่ง ทำให้ประชาชนจำนวนมากมองว่าเขาสูงวัยและป่วยเรื้อรังจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

AFP-ชาวแอลจีเรียประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีอับเดลอาซิส บูเตฟลิกา ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 เมื่อ 29 มี.ค.

ส่วนการชุมนุมประท้วงขับไล่บูเตฟลิกาครั้งนี้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังเมื่อต้นเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่บูเตฟลิกาบินไปรักษาตัวยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และการเดินขบวนทุกวันศุกร์มีประชาชนเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการชุมนุมประท้วงใหญ่ที่สุดในแอลจีเรียนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามกลางเมืองเป็นต้นมา

ภาพรวมการเดินขบวนยังเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ปราศจากการใช้ความรุนแรง ทำให้ฝั่งกองทัพของแอลจีเรียเปลี่ยนท่าทีมาสนับสนุนการชุมนุมของประชาชน หลังจากที่ตอนแรก พล.ท.อาเหม็ด กาอิด ซาลาห์ รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ออกมาขู่ว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้ชุมนุมก่อความไม่สงบในประเทศ

นอกจากนี้ เมื่อปลายเดือน มี.ค. ผบ.ทบ. กาอิด ซาลาห์ ยังเป็นผู้เรียกร้องกดดันให้รัฐสภาพิจารณาถอดถอนนายบูเตฟลิกา อ้างอิงมาตรา 102 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่า หากประธานาธิบดีไม่อยู่ในสภาพที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็อนุญาตให้เสนอถอดถอน

อย่างไรก็ตาม นายบูเตฟลิกาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งก่อนถึงกำหนดสิ้นสุดวาระ ปธน. สมัยที่ 4 อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 เม.ย.2562 แม้ว่าตอนแรกเขาประกาศว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่ง ปธน.สมัยที่ 5 ในการเลือกตั้งวันที่ 18 เม.ย. 2562 ซึ่งเป็นกำหนดการเดิม โดยอ้างว่าเขาจำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยช่วงเลือกตั้ง แต่ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่รับตำแหน่งต่อถ้าหากได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 5 แต่ประชาชนไม่พอใจ และมองว่าเขาพยายามยื้ออำนาจ เข้าข่ายเจตนาแทรกแซงการเลือกตั้ง

เมื่อมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น รัฐบาลของบูเตฟลิกาจึงได้ประกาศเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอย่างไม่มีกำหนด และแม้ว่าในที่สุดเขาจะลาออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการออกมา

AFP-เด็กคลุมธงชาติแอลจีเรีย-ผู้ชุมนุมขับไล่ ปธน.อับเดลาซิส บูเตฟลิกา แยกย้ายกลับบ้านหลังมีการประกาศลาออก.jpg

ที่มา: BBC/ VOX

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: