วันนี้ (19 กันยายน 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “การส่งเสริมและขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของประชาชน และการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในระดับชุมชน” (จากรัฐสู่ราก: กลไกกรรมาธิการกับการสร้างสังคมมีส่วนร่วมผ่านการจัดการขยะ) จัดโดยวิทยาลัยนานาชาติการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยเกริก โดยมี ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม รองอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยเกริก, นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 พรรคประชาชาติ, อาจารย์อนุสรา มู่ฮัมหมัด รองคณบดีวิทยาลัยนานาชาติการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยเกริก ฯลฯ ร่วมให้การต้อนรับ และกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างพื้นที่การเรียนรู้ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านการใช้ข้อมูลดิจิทัล และสร้างเครือข่ายนักการเมืองและนักวิชาการเพื่อนำข้อมูล AI มาใช้ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ นอกจากนี้ยังมุ่งสร้างความเข้าใจในบทบาทของคณะกรรมาธิการของรัฐสภาในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย การพัฒนาท้องถิ่น และการแก้ไขปัญหาชุมชนอย่างยั่งยืน ผลลัพธ์จากการสัมมนาในครั้งนี้จะถูกนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ในพื้นที่จริงในทุกระดับ และจะถูกรวบรวมเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
ในโอกาสนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยเน้นย้ำถึงหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยว่าพลวัตของประเทศได้เปลี่ยนไป และถึงแม้รัฐบาลในปัจจุบันจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่หลักการที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตยคือรัฐบาลต้องมาจากเสียงข้างมาก
'ประชาชนทุกคนเท่าเทียมกัน ผู้ที่จะมาปกครองประชาชนได้นั้นต้องถูกเลือกจากประชาชน ดังนั้นผู้ที่เป็นตัวแทนของประชาชนต้องเกิดจากการยอมรับของประชาชน ไม่ใช่เกิดจากการบังคับ ทุกเสียงของประชาชนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน และไม่ควรปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้โอกาสเพื่อแก้แค้นหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนจนประชาชนเสียโอกาส'
นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้เน้นย้ำว่าในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่ประชาชนต้องรับใช้รัฐบาล เช่นเดียวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชน เพราะประชาชนเป็นผู้มีบุญคุณ ก่อนการยุบสภา มีการตกลงกันไว้ว่าจะมีการเสนอร่างและแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 เพื่อให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ในทุกจังหวัด รวมถึง ส.ส.ร. แบบสัดส่วนผสม โดยพรรคประชาชาติจะไม่นำผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ส.ส.ร. ซึ่งจะให้อำนาจประชาชนในการแก้ไขจัดการได้มากขึ้น พร้อมระบุว่าสิ่งนี้คือภาพในอนาคตที่หากไม่ถูกบิดเบือน จะนำไปสู่การยุบสภาเพื่อให้ประชาชนมีอำนาจตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง โดยเน้นย้ำว่าคนรุ่นเก่าต้องส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป
'อนาคตของประเทศต่างๆอยู่ที่คุณภาพของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ความใหญ่ของประเทศ ทุกคนในที่นี้ ถือว่าเป็นคนที่มีคุณภาพ แต่ประเทศจะมีคุณภาพได้ ต้องมีเสถียรทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง ซึ่งเหล่านี้ หนีไม่พ้นที่จะต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมครับ'