ไม่พบผลการค้นหา
ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี มอง MOA ปชน.-ภท ไม่เข้าข่ายยุทธศาสตร์ confidence and supply มีลักษณะผิดธรรมชาติ อย่างน้อย 4 ข้อ เป็นการติดอาวุธให้พลังอนุรักษ์นิยมซึ่งซบเซากลับมามีพลัง

ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย แฟนเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ว่า

ที่พูดกันว่า พรรคประชาชนโหวตให้คุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ ที่เรียกว่า “confidence and supply” นั้น ไม่น่าจะถูกต้องทั้งหมด ( แม้ว่าในวิกิพีเดีย จะใส่ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ใช้ข้อตกลงนี้)

Confidence and supply เป็นข้อตกลงทางการเมืองรูปแบบหนึ่งที่มักพบในระบบรัฐสภา ที่พรรคการเมืองขนาดเล็กหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิสระ ให้การสนับสนุนรัฐบาลในประเด็นสำคัญบางเรื่อง เช่น การลงมติไว้วางใจ (confidence votes) และร่างกฎหมายงบประมาณ (supply bills) โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลผสมอย่างเป็นทางการ แต่ช่วยให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยสามารถมีเสียงข้างมากในทางปฏิบัติในสภา

ตัวอย่าง เช่น นิวซีแลนด์: พรรคแรงงาน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น จัดตั้งรัฐบาลโดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคกรีน (Green Party) สหราชอาณาจักร: พรรคอนุรักษ์นิยม การนำของเทเรซา เมย์ ได้ทำข้อตกลง confidence and supply กับพรรค DUP หลังการเลือกตั้งปี 2017 เพื่อรักษาเสียงข้างมากในรัฐสภา

ในต่างประเทศ เป้าหมายหลักของข้อตกลงนี้เพื่อให้ รัฐบาลเสียงข้างน้อย สร้างความเชื่อมั่นในสายตาประชาชน สังคม และนักลงทุน ว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากพอที่จะบริหารประเทศอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด หยุดชะงักในเวลาอันสั้น

แต่ MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย กลับมีลักษณะผิดธรรมชาติ อย่างน้อย 4 ข้อ คือ

1. พรรคเสียงข้างมากควรเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อแสดงฝีมือแก้ปัญหาให้ประชาชน กำกับทิศทางให้เป็นไปตามเป้าหมายของพรรค และประคองให้ระบบการเมืองต่อเนื่อง ไม่สั่นคลอน

2. อธิบายว่าการยุบสภาไม่ใช่เป้าหมายหลักจึงไม่โหวตให้คุณชัยเกษม แต่ รอได้ 4 เดือน เพราะมองว่าการแก้รัฐธรรมนูญสำคัญกว่า แต่เมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาล ตามข้อ 1 และไม่รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงทำได้แต่เพียงจุดประเด็นทำประชามติเพื่อแก้มาตรา 256 คือ แก้วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนกระบวนจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่จริง ๆ (อาจ) จะเกิดขึ้น ก็ต้องรอรัฐบาลใหม่ ดังนั้น เลือกตั้งครั้งหน้า ก็ยังต้องใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งองค์ประกอบในรัฐสภาจะเปลี่ยนไป

ต่อมาอธิบายว่าโหวตให้คุณอนุทิน เพราะ สว. แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยืนยันว่าอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน การตั้งคำถามประชามติที่เหมาะสม อาจไม่จำเป็นต้องใช้เสียง สว. เลยก็ได้ ส่วนเรื่องประชาชนเลือก สสร. นั้น อยากชี้ว่า คนกำหนดเนื้อหา สาระ หัวใจ คือ กรรมาธิการยกร่างนะคะ

3. หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนจะโหวตอย่างไร เพราะเมื่อตกลงให้ confidence ย่อมหมายความว่า พรรคจะลงคะแนนเห็นชอบให้รัฐบาลในการลงมติไว้วางใจ หากโหวตไม่ไว้วางใจ เท่ากับผิดสัญญา

4. ห้ามไม่ให้แปลงร่างเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก การเมืองไทย การไหลเข้าหาคนกุมอำนาจรัฐ เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ เหมือนห้ามเพลิงไว้ อย่าให้มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้

ดังนั้น ในทางปฏิบัติ คือการติดอาวุธให้พลังอนุรักษ์นิยมซึ่งซบเซากลับมามีพลัง

เชื่อว่า 4 เดือน คุณอนุทินยุบสภาแน่นอน เพราะเป้าหมายแท้จริงคือการกลับมาหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยไม่จำเป็นต้องชนะอันดับ 1

การเมืองไทยพลิกผันรวดเร็ว สิ่งที่เตือนใจตัวเองจากการสังเกตที่ผ่านมาคือ

ก. แม้เหล่าพรรคที่ต้องการรักษาสถานภาพเดิม ที่เรียกกันว่าอนุรักษ์นิยมจะกระชุ่มกระชวย ยึดกุมสายสัมพันธ์กับองค์กรอิสระ และกำกับระบบราชการ

แต่ในพื้นที่เลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยจะยังครองใจประชาชน

ข. เมื่อเป็นนักการเมืองและพรรคการเมือง ย่อมต้องตระหนักว่า การประนีประนอม (compromise) ไม่ได้หมายความว่าออกจากแนวทางประชาธิปไตย “เสมอไป” ในทางกลับกัน การประนีประนอมคือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย

การกล่าวหากันและกันด้วยถ้อยคำรุนแรง ส่งผลให้ฝ่ายที่มีเป้าหมายร่วมกันต่างอ่อนแอลง

ค. เมื่อเป็นนักเคลื่อนไหว ต้องมุ่งหวังเป้าหมายที่เห็นผลลัพธ์ ไม่ใช่หวังเพียงสร้างกิจกรรมเพื่อได้พื้นที่สื่อ

ง. เมื่อเป็นสื่อ ต้องไม่เอาอคติมาบดบังวิจารณญาณ

จ. เมื่อเป็นนักวิชาการ ต้องยึดมั่นในหลักวิชา