ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข
รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ย.68 เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ชั้น 7 อาคารศูนย์ฝึกอบรม สตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ลุยต่อ “วอร์รูม IAC” บูรณาการปฏิบัติการเชิงรุกเห็นผลทุกวัน ล่าสุดพบความผิดปกติการโอนเงิน บัญชีปลายทางเป็นม้านิติบุคคล ระงับได้ทันควัน 2 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เป็น ผบ.ศกค. ได้เดินหน้าขับเคลื่อน “Warroom IAC” ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและการเงินทั้งในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศ อาทิ UNODC, FBI และ Interpol เพื่อจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างบูรณาการ โดยครอบคลุมตั้งแต่การกวาดล้างเครือข่าย การระงับบัญชี ติดตามเส้นทางการเงิน ไปจนถึงการคุ้มครองเหยื่อ โดยเน้นมาตรการเชิงรุกภายใต้แนวคิด “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” เพื่อมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะการตัดวงจรเครือข่ายใหญ่ในกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการหลอกลวงประชาชนไทยและต่างประเทศ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH BACK” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 250 ล้านบาท
โดยล่าสุดวอร์รูม IAC ตรวจสอบพบว่ามีการทำธุรกรรมโดยมีการโอนเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากบัญชี น.ส.บุศราฯ ผู้เสียหาย ไปยังบัญชีปลายทาง ชื่อบัญชี บริษัท ซู หมิง เทรด จำกัด ซึ่งมีเคสไอดีว่าเป็นบัญชีม้านิติบุคคล เจ้าหน้าที่วอร์รูม IAC ซึ่งมีตำรวจไซเบอร์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเจ้าหน้าที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ปฏิบัติงานแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่อง พบความผิดปกติจึงประสานระงับธุรกรรมการโอนเงินดังกล่าวไว้ได้ และประสานผู้เสียหายให้รับทราบ
จากการสอบถาม น.ส.บุศราฯ ผู้เสียหาย ทราบว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น อ้างว่ามีการใช้ชื่อของผู้เสียหายไปเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาในจังหวัดขอนแก่น และมีการรับโอนเงินทุจริตจำนวน 8 ล้านบาท ขอให้ผู้เสียหายยืนยันความบริสุทธิ์โดยการเปิดเผยทรัพย์สินและโอนเงินมาตรวจสอบ ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อ จึงโอนเงินทั้งหมดในบัญชี รวมทั้งขายหุ้นเพื่อนำเงินโอนเข้าบัญชีที่มิจฉาชีพแจ้งไว้ จำนวน 18 บัญชี รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งบัญชีสุดท้ายที่ผู้เสียหายจะโอนไปเป็นชื่อบัญชีบริษัท ซู หมิง เทรด จำกัด ซึ่งวอร์รูม IAC พบความผิดปกติจึงระงับการทำธุรกรรมได้ทัน จำนวน 2 ล้านบาท
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้สั่งการให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดโดยเร็ว รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในวอร์รูม IAC ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เพื่อปฏิบัติการเชิงรุกในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย และเร่งสร้างการรับรู้ในการป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกลุ่มแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ผลการปฏิบัติการประจำเดือน ก.ย.68 ของ “วอร์รูม IAC” ตั้งแต่วันที่ 1 – 19 กันยายน 2568 มีจำนวนเคสที่นำเข้าวอร์รูม จำนวน 214 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 181,207,883 บาท โดยสามารถอายัดยอดเงินได้จำนวน 106 เคส รวมมูลค่าเงินสดที่อายัดได้ จำนวน 65,163,380 บาท พบเคสที่ถอนเงินสด 105 เคส รวมมูลค่าเงินสดที่ถูกถอนรวมทั้งสิ้น 46,468,525 บาท