ไม่พบผลการค้นหา
'นายกฯอนุทิน' ลงพื้นที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยซ้ำซาก โดยได้พายเรือด้วยตนเองเพื่อนำถุงยังชีพไปมอบให้กับประชาชน

วันนี้ (27 กันยายน 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางบาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ วัดโคกหิรัญ ต.บางชะนี อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเดินทางถึง นายอนุทินได้รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นได้กล่าวให้กำลังใจพี่น้องประชาชน พร้อมนำคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการมอบถุงยังชีพและเดินทักทายพูดคุยพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาบริเวณวัดโคกหิรัญ 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีนำคณะ พบปะประชาชนและผู้ประกอบการร้านขายของชำที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงวัด และมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนบ้านเรือนใกล้เคียง โดยยังได้พายเรือด้วยตนเองเพื่อนำถุงยังชีพไปมอบให้กับประชาชนครัวเรือนที่บ้านประสบอุทกภัยและใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเรือนตามปกติ 

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นทำงานโดยมีเป้าหมาย คือ "ประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน" ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความเดือดร้อนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทราบดีอยู่แล้วว่ามีน้ำท่วมทุกปี เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน และมีลักษณะเป็นพื้นที่ต่ำ ทำให้ระบบการระบายน้ำลงสู่ท้องทะเลได้ยาก นอกจากนี้ แม่น้ำเจ้าพระยามีลักษณะเป็นคอขวด ทำให้การระบายน้ำช้าลง ส่งผลให้มีการเอ่อล้นของน้ำ หรือน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่พี่น้องประชาชนโดยตลอด

"พยายามสู้กับธรรมชาติ ด้วยการคิดโครงการ/แผนการเพื่อบรรเทาการเกิดอุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด โดยมีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นผู้กำหนดนโยบายต่าง ๆ ในการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำเสนอต่อรัฐบาล ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีหน้าที่ดูแลครอบคลุม ทั้งอาหารการกิน การบรรเทาสาธารณภัย งบประมาณเยียวยาความเสียหายของพี่น้องประชาชน รวมถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์การบริหารส่วนตำบลที่มีเครื่องมือ คือ "งบประมาณการช่วยเหลือประชาชน" ที่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเบิกจ่ายได้ในรูปแบบของงบฉุกเฉินบรรเทาความทุกข์ของประชาชน และยืนยันว่างบประมาณจะต้องกลับไปถึงพี่น้องประชาชน 100% โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการให้คำแนะนำ และในส่วนของฝ่ายข้าราชการ ก็ต้องพิจารณาโดยเร็ว ทำงานอย่างรวดเร็ว ทันใจ ไม่เสียเวลา ในการเลื่อนสำรวจและเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ประสบสาธารณภัยในแต่ละครัวเรือน"

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร ให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 เพื่อเร่งระบายน้ำ ด้วยศักยภาพการระบายน้ำมากถึง 1,200 คิว/วินาที เมื่อแล้วเสร็จจะตัดมวลน้ำไม่ให้ท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มากขึ้น ลดความกังวล และที่สำคัญเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว 

รวมทั้ง ยังมีโครงการปรับปรุงระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่าง เพื่อทำให้การระบายน้ำตั้งแต่ชัยนาท ป่าสัก ไหลลงสู่อ่าวไทย ซึ่งการแก้ปัญหาระยะยาวต้องใช้งบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อที่จะสร้างระบบสาธารณูปโภคช่วยระบายน้ำด้วยระยะเวลา 7 ปี ซึ่งหากคิดเทียบกับเงินเยียวยาที่ประชาชนได้รับเพียงครัวเรือนละไม่กี่พันบาท เห็นว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า รวมถึงโครงการการขุดลอกแม่น้ำลำน้ำเจ้าพระยาและลำน้ำท่าจีน ที่จะเป็นการขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำไม่ให้ไปอุด หรือไปทำให้การระบายน้ำต้องพบกับอุปสรรค โดยรัฐบาลนี้จะเร่งแก้ไขปัญหาและดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อทำให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน