ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดเป็นพวกเอาเจ้า ไม่ล้มเจ้าและไม่โหนเจ้า แบบสุดขั้วเหมือนกับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม วอนพรรคการเมือง อย่าจัดม็อบเสียเอง

เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในประกาศราชกิจจานุเบกษา ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ประกาศข้อกำหนด และคำสั่งอื่นที่เกี่ยวข้อง ว่าเป็นการคืนสิทธิเสรีภาพในการ ชุมนุมให้กับประชาชน ที่ต้องการแสดงออกทางการเมืองภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อจากนี้ไปจะมีการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงพลังของกลุ่มต่างๆให้เห็นมากขึ้น แต่ขอให้ทุกฝ่ายจัดกิจกรรมการชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมาย หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการชุมนุม จนเกิดเป็นม็อบชนม็อบขึ้นมา ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง

เพราะการชุมนุมของแต่ละกลุ่มก็จะมีมวลชนที่หลากหลาย เหมือนกับกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่มีข้อเรียกร้องหลัก3ข้อคือให้พลเอกประยุทธ์ลาออก,แก้ไขรัฐธรรมนูญ, ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งใน3ข้อนี้ ก็อาจะจะมีมวลชนเห็นด้วยกับข้อเสนอเพียงบางข้อ เช่น ต้องการให้นายกฯลาออก และต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนการชุมนุมของกลุ่มปกป้องสถาบัน ก็เช่นเดียวกันอาจจะมีเป้าหมายในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ต้องการรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ได้ปรากฎให้เห็นในการชุมนุมของกลุ่มปกป้องสถาบัน ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะมาแล้ว ซึ่งเป็นสิทธิ์ของมวลชนในการชุมนุมของแต่ละฝ่าย

"ส่วนตัวเห็นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิทางการเมืองของแต่ละบุคคล ซึ่งจะเห็นชอบกับข้อเสนอทั้งหมด หรือเพียงบางข้อของการชุมนุมก็ได้ สำหรับตนได้แสดงเจตนารมณ์ไว้อย่างชัดเจน ว่าสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ต้องการรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เอาการสืบทอดอำนาจของฝ่ายเผด็จการ จึงสามารถประกาศได้อย่างชัดเจนว่า ตนเป็นพวกเอาเจ้าไม่ล้มเจ้าและไม่โหนเจ้าแบบสุดขั้วเหมือนกับกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้" เทพไท กล่าว

จึงขอเรียกร้องมายังกลุ่มกลุ่มการเมือง นักการเมือง และพรรคการเมือง ไม่ควรสนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มใดๆ ควรปล่อยให้การชุมนุม หรือการแสดงออกของประชาชนเป็นไปโดยธรรมชาติ ต้องไม่มีการจัดตั้งไม่มีการระดมคน ไม่มีการว่าจ้างขอให้เป็นความสมัครใจ และความเชื่อในอุดมการณ์ของแต่ละบุคคลจะเหมาะสมกว่า