ไม่พบผลการค้นหา
คุยกับ ‘เหน่อ-ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย’ อดีตนักกิจกรรมทางการเมือง และทีมงานพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ในวันที่ตัดสินใจลาออกจากงาน พูดคุยกับตัวเอง และสื่อสารกับผู้คนผ่านสีสันต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับตัวเองอีกครั้ง
CNL02002.jpg

ร้านกาแฟขนาดกลาง ชื่อบ้านบอ สตูดิโอ ในอำบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ถูกแปะเสริมเติมแต่งด้วยงานภาพวาดสีน้ำแนว Abstract Art สีสันฉูดฉาด ดึงดูดให้ร้านดูมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไม่น้อย งานภาพวาดดังกล่าวเป็นของ เหน่อ ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย อดีตนักกิจกรรมทางการเมือง และอดีตทีมงานพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เขาตั้งชื่อนิทรรศการครั้งแรกของเขาว่า “DepressionColor มนุษย์ผู้โง่เง่าซึมเศร้าเป็นสีสัน” 

ความสงสัยว่าอะไรเป็นเหตุให้เขาเลือกที่จะลาออกจากงานการเมืองมาจับพู่กัน สื่อสารด้วยสี และเพราะอะไรถึงจับสีสันฉูดฉาด มาคู่กับโรคซึมเศร้า ปลุกเร้ายั่วยวนให้สานต่อบทสนทนา

เริ่มจากไอเดียตั้งต้นของนิทรรศการครั้งนี้ เหน่อ เล่าว่าก่อนหน้านี้ เขาเคยอ่านงานบทความชิ้นหนึ่งที่รวบรวมรูปถ่ายในมือถือของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าในวันสุดท้ายก่อนที่คนเหล่านั้นจะฆ่าตัวตาย  เขาพบว่ามีอารมณ์ที่หลากหลายมาก บางคนยิ้ม บางคนสนุก บางคนร่าเริง 

เรื่องนี้ดูผิดไปจากความเข้าใจของคนทั่วไปที่มักคิดว่า เวลาเห็นคนที่เป็นโรคซึมเศร้า มันจะมาคู่กับความดาร์ค ดิ่ง จม ลึก และต้องอยู่ในโลกโทนสีขาวดำ แต่สิ่งที่เขาค้นพบคือ คนเป็นโรคซึมเศร้าหลายคนมีความพยายามอย่างมากที่จะอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้อย่างปกติมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

CNL02084.jpg

“แทบทุกรูปก่อนที่เขาจะตายหนึ่งวันทุกคนยิ้ม มีสีสัน และมีความสดใส พวกเขาพยายามเต็มที่แล้วก่อนที่เขาเลือกที่จะจากไป“

เหน่อ บอกว่าในเชิงทฤษฎีสีมีคำอธิบาย และการให้ความหมายของสีที่แตกต่างออกไปจากเข้าใจทั่วไปเยอะพอสมควร อย่างเช่นสีฟ้า หากใช้ระบายเป็นสีท้องฟ้าเราก็จะรู้สึกว่านั่นคือความสดใส แต่ถ้าสีฟ้ามาถูกใช้กับอาหารเราก็จะรู้สึกว่านั้นมีพิษทันที 

คล้ายกับบอกกลายๆ ว่า สีสันสำหรับคนเป็นซึมเศร้าอาจจะมีความหมายอื่น

แรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เขาทำงานศิลปะชุดนี้ขึ้นมา เกิดจากภาวะภายในของตนเองที่เป็นโรคซึมเศร้า หลังจากที่ลาออกจากงานประจำได้ประมาณ 6-7 เดือน ก่อนหน้านี้เขาทำงานทางการเมืองภายใต้สังกัดพรรคการเมืองใหม่มาแรงที่สุดพรรคหนึ่ง 

สำหรับเขาการทำงานทางการเมือง เป็นเรื่องที่เครียด โดยเฉพาะกับการทำงานในพรรคการเมือง ซึ่งมีการดึงรั้งกันอยู่ตลอดเวลา ระหว่างความพยายามดึงให้ก้าวไปข้างหน้า กับแรงรั้งให้ไปอีกทาง 

อีกทั้งยังต้องเจอกับคนที่เห็นโอกาสว่าพรรคการเมืองพรรคนี้ มีความสามารถในการเจริญเติบโต และต้องการที่จะเข้ามาหาประโยชน์ โดยใช้อุดมการณ์เป็นเครื่องนุ่งห่มปกปิดความต้องการที่แท้จริง 

และสำคัญที่สุดการทำงานการเมืองปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกพรรคมีการดีล และมีการผิดดีลกันอยู่เสมอ เขาระบายหลายอย่างที่ผิดหวังเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ Toxic แต่ยังเห็นแก่เพื่อนมิตร รายละเอียดเขาของไม่เผยแพร่

พูดอย่างเจียมตัว เขาบอกว่า หลังการเลือกตั้งพรรคประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ถึงจุดหนึ่งเขารู้สึกไม่ถนัดมากพอที่จะร่วมงานการเมืองกับพรรคการเมืองที่เคยสังกัดได้ และยินดีถอยตัวเองออกมาจากการเป็นผู้เล่น เป็นเพียงผู้ชมคนหนึ่งเท่านั้น

CNL01962.jpgCNL01975.jpgCNL01977.jpgCNL02055.jpg

หลังจากได้พบจิตแพทย์ซึ่งวินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า เขาพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น และพบว่าสิ่งที่คนเป็นโรคนี้ต้องการมากที่สุดจากคนรอบข้างคือ ความจริงใจที่จะสื่อสาร 

สำหรับเขาการทำงานศิลปะชุดนี้คือหนึ่งในการบำบัดตัวเอง เพราะมันคือการสร้างภาวะจำลองที่ตัวเองสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างภายในงานได้ 

โดยปกติแล้วมนุษย์ตั้งแต่เกิด จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราต่างเผชิญหน้ากับภาวะที่ไม่อาจควบคุมได้ ทั้งความกดดัน ความคาดหวังจากครอบครัว และสังคม นานวันจนเกิดการสะสม ทำให้สมองรู้สึกไม่ได้พักผ่อน ประกอบกับการใช้ชีวิตในสังคมทุนนิยมที่เร่งรัดและบีบคั้น ให้เราต้องทำงาน กดดันให้เราต้องรีบประสบความสำเร็จ 

เขามองว่าภาวะแบบนี้ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ทำให้สมองของมนุษย์ไม่ได้พักผ่อน จนส่งผลกระทบให้สารเคมีในสมองอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ ฉะนั้นการวาดรูป เขียนรูป สำหรับเขาจึงเป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่เขารู้สึกว่าตัวเองหลุดออกมาจากการถูกควบคุม หลุดออกจากภาวะความกดดัน และความคาดหวัง 

ต่อหน้าจานสี ผื่นผ้าใบ และแปรงพู่กัน เขาสามารถที่จะควบคุมทุกอย่างได้ หากรู้สึกว่ามีสิ่งใดที่ทำผิดไป เราก็แค่เพียงทาสีขาวทับ แล้วแต่งเติมจุดผิดพลาดนั้นด้วยสีใหม่ที่เราต้องการ 

งานศิลปะสำหรับเขา คือการเปิดโอกาสให้เขาได้ผิดพลาด และสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

“อย่างเวลาเราโฟกัสกับผื่นผ้าใบ แล้วเรารู้สึกว่าเราจะทำอะไรกับมันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องคิดว่าจะต้องทำให้มันออกมาเป็นรูปร่างที่มีความเหมือนจริง หรือจะต้องวาดให้มันสวยอลังการอะไร เราสามารถทำได้ในแบบที่ใจเราอยากจะทำ และศิลปะมันจะสอนให้เรารู้เองว่าแค่ไหนควรจะหยุดทำ” 

“ศิลปะมันเป็นอย่างนั้นอยากทำก็ทำ อยากหยุดก็หยุด แต่กับชีวิตจริงคุณจะต้องตื่นเพื่อทำงาน แล้วก็หลับไปพร้อมกับความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานอีกในเช้าวันต่อมา มันเป็นแบบนี้ตลอดเวลา มันทำให้เราไม่มีโอกาสได้พักผ่อน แต่เมื่อใดก็ตาม ที่เราต้องการที่จะพักผ่อน นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร จนที่สุดแล้วมันจะทำให้คุณรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การพักผ่อน”

เขาบอกว่าการวาดรูป ช่วยให้เขาได้คุยกับตัวเองมากขึ้น และทำให้มีสมาธิที่จะโฟกัสกับอะไรบางอย่างได้นานๆ เป็นโรคซึมเศร้าจำนวนมากต้องเผชิญหน้ากับความไม่เข้าใจและการดูถูกว่าเป็นพวกขี้เกียจ บางคนถูกตัดสินจากพฤติกรรมที่คนรอบข้างไม่เข้าใจเพราะบางคนเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องหลายเดือน หรือเป็นปีโดยที่ไม่ค่อยออกมาพูดคุยกับใครในบ้าน แต่สำหรับคนที่อยู่ในภาวะนั้น สำหรับเขาการลืมตาตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หมดพลังงานไปแล้วในแต่ละวัน 

แต่สำหรับเหน่อ เขาเห็นว่ามนุษย์ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ เราทุกคนล้วนต้องการการสื่อสาร เพียงแต่เขาไม่สามารถที่จะสื่อสารออกมาเป็นคำพูด หรือเขียนออกมาเป็นบทเพลงได้ เพราะสมองสั่งให้ไม่อยากทำ เขาจึงลองพยายามสื่อสารกับผู้คนในรูปแบบอื่น ซึ่งนั้นก็คือการใช้สีวาดรูป ส่วนใครจะตีความหรือมองงานศิลปะชิ้นนั้นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับมุมมองส่วนตัวของแต่ละบุคคล หากมองว่าสวยดูแล้วมีความสุข ผ่อนคลาย เขาก็มีความสุข แต่ถ้ามองไม่สวย ดูแล้วไม่มีความสุข ก็เป็นมุมมองของเขา 

“หลายคนพยายามถามความหมายของงานแต่ละชิ้นของผม ว่ามันหมายความว่าอะไร ไม่มีคำตอบให้ ความหมายมันขึ้นอยู่กับคนดู เอาจริงแล้วการที่เราอยู่ในโลกยุคทุนนิยมมาตลอด จนทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องคิดตลอดเวลา แต่สำหรับผมการทำงานศิลปะและชวนคนมาดู มันคือ การชวนคนมาพักจากการใช้ความคิดเคร่งเครียด“ 

CNL02105.jpg

เขาเล่าว่า งานแต่ละชิ้นของเขา ไม่เคยถูกตั้งชื่อ และไม่เคยรู้สึกว่าคนที่ดูงาน จะต้องเห็นรูปต่างๆ ภายในงานไปในทางเดียวกับที่เขารู้สึก ด้วยความที่เป็นงาน Abstract Art ความพิเศษของมันอย่างหนึ่งคือ เราสามารถมองมันได้จากหลากหลายมุม ไม่ว่าจะมองในลักษณะของแนวตั้ง แนวนอน สลับด้านไปมา ภาพที่เห็น มุมมองที่เห็นก็จะเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ สำหรับคนที่พยายามจะตีความหาความหมายของงานก็จะมีมุมในการตีความได้ใหม่เสมอ งานที่เขาทำจึงไม่มีความหยุดนิ่ง

ด้วยความที่งานของเขามีสีสันที่ฉูดฉาดหลากหลาย สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาชอบสีอะไรมากที่สุด คำตอบที่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาวะอารมณ์ในเวลาที่ทำงาน เขามองว่าการสร้างงานศิลปะ ผ่านกระบวนการอื่นๆ ที่เยอะมาก มีความจำเป็นต้องพึ่งพาบรรยากาศ และต้องมีสมาธิ การเลือกเก็บสีขึ้นมาใช้แต่ละสีล้วนแต่มีพื้นหลังทางอารมณ์เข้ามาประกอบ ซึ่งไม่สามารถบอกได้เลยว่าชอบสีไหนมากที่สุด และภาวะอารมณ์กับการเลือกใช้สีนั้นก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด

เมื่อถามว่า เมื่อเลือกที่จะจัดแสดงงานทั้งที ทำไม่ถึงไม่เขาไปจัดนิทรรศการในเมือง เหน่อย้ำชัดว่า นี่เป็นความต้องการของเขาเอง เพราะ ต้องการสร้างพื้นที่ใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ศิลปะที่ไม่ได้อยู่รวมกันที่กรุงเทพ หรือหัวเมืองใหญ่ และที่สำคัญที่สุดหากจุดประสงค์หลักของรัฐบาลชุดนี้ต้องการที่จะขับเคลื่อนเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมของงานศิลปะ เราจะปล่อยให้พื้นที่ของศิลปะ แวดวงของศิลปิน กระจุกตัวอยู่เพียงแค่ในเมืองไม่ได้ 

ทั้งนี้นิทรรศการดังกล่าว จะจัดแสดงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน