ไม่พบผลการค้นหา
รัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ การโยนเรื่อง MOU 43 และ MOU 44 ให้ไปทำประชามติ คือความขี้ขลาดตาขาวของรัฐบาลปัจจุบัน โยนความรับผิดชอบที่เกิดอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติให้ประชาชน

รัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย แฟนเพจเฟซบุ๊กวันนี้ (29 กันยายน 2568) ถึงเรื่องการทำประชามติ สำรวจความเห็นประชาชน ว่าจะยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 หรือไม่? ว่า

การโยนเรื่อง MOU 43 และ MOU 44 ให้ไปทำประชามติ คือความขี้ขลาดตาขาวของรัฐบาลปัจจุบัน ที่จะโยนความรับผิดชอบที่เกิดอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติไปให้ประชาชนแทน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่ง ครม. สามารถตัดสินใจยกเลิกได้เลย แต่กลับไม่ยอมทำ ถ้าแน่จริงก็เอาเลยครับ กล้าๆ หน่อย แล้วก็มีคำถามต่อว่านโยบายต่างประเทศไทยในเรื่องนี้ของรัฐบาลปัจจุบัน ถูกกำหนดมาจากพนมเปญ หรือที่กรุงเทพฯกันแน่?

ยกเลิก MOU 43/44 เข้าทางกัมพูชาทันที ไทยเสียมากกว่าได้ เตือนคนไทยอย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อการเมือง

1. MOU 43/44 เป็นเพียงกรอบการเจรจาไม่ใช่สัญญาเสียดินแดน

2. การเจรจาในอนาคตต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา รัฐบาลไม่สามารถตกลงเรื่องเขตแดนโดยลำพังได้

3. การยกเลิก MOU43/44 ในตอนนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบ เข้าทางกัมพูชาเลี่ยงโต๊ะเจรจา

4. หากไม่มี MOU ไทยอาจถูกผลักเข้าสู่วที่ระหว่างประเทศ เช่น ICJ อาจกระทบต่อโอกาสการต่อรอง และเสี่ยงเสียเปรียบทางกฎหมาย

5. พรรคการเมืองบางพรรคเคยร่วมรัฐบาลก่อนหน้าไม่เคยคัดค้าน แต่วันนี้กลับเรียกร้องให้ยกเลิก สะท้อนจุดยืนที่เปลี่ยนไป น่าสงสัยในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจ

6 ยิ่งยกเลิก ยิ่งเข้าทางกัมพูชา ไทยอาจเสียผลประโยชนในระยะยาว จึงควรใช้ MOU นี้เป็นเครื่องมือรักษาผลประโยชน์ชาติ