ไม่พบผลการค้นหา
ประธาน สนช. ตั้ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร เป็นประธานสอบข้อเท็จจริงคลิปเสียงหลุดพาดพิงนายกฯ ไม่แฮปปี้การเสนอชื่อ กสทช. ทั้ง 14 คน ยืนยันนายกฯ ไม่เกี่ยว ไม่มีใบสั่ง

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงว่า ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีคลิปเสียงการสนทนาที่พาดพิงถึงนายกฯ ว่าไม่แฮปปี้กับรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น กสทช. ทั้ง 14 คน โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ มี 5 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร สนช. เป็นประธาน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข สนช. เป็นกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่เกี่ยวข้องอีก 3 คน มีกรอบทำงาน 30 วัน เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือตัดต่อมาจากที่ประชุมใด ถ้าได้ความเป็นเสียงใครก็ยิ่งดี เพื่อนำไปสู่การพิจารณาว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ถ้าเป็นของจริงใครเป็นผู้ดักฟัง

นอกจากนี้ ยังจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อมูลการประชุมลับในการพิจารณาเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินหลุดออกไป เพราะมีการพาดพิงถึงคณะกรรมการสรรหาว่าทำงานไม่รอบคอบ จึงอยากทราบว่าสื่อนำไปลงได้อย่างไร เพราะข้อมูลการประชุมลับจะเผยแพร่ไม่ได้อยู่แล้ว

กรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า บางคนในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถูกมองว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในเสียงคลิปที่หลุด นายพรเพชร ยืนยันว่า กรรมการชุดนี้ไม่มีใครอยู่ในเสียงคลิปที่หลุดมา พล.ต.อ.ชัชวาล ก็ไม่ได้มีเสียงอยู่ในคลิปดังกล่าว แต่ถ้าพบว่ามีเสียงจริงก็ต้องพิจารณาตั้งกรรมการใหม่

ส่วนตัวไม่อยากชี้นำว่าเป็นคลิปจริง หรือคลิปตัดต่อ เพราะมีแต่เสียง ไม่มีภาพ แต่ถ้าเป็นคลิปเสียงปลอมก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสอบถามไปยังนายกฯ เพราะนายกฯ ได้ปฏิเสธไปแล้ว และไม่ได้เป็นคนพูดเองแต่ถูกอ้างถึง

"ประเด็นของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่นายกฯ แต่อยู่ที่คลิปเป็นของจริงหรือไม่ การสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 เรื่องนี้ ถ้าสื่อให้ความร่วมมือคงสอบสวนได้ง่าย ดังนั้น สื่อต้องบอกว่าเอาข้อมูลมาจากไหน"

อย่างไรก็ตาม นายพรเพชร ยืนยันว่า คลิปที่หลุดมาไม่ใช่การประชุมวิป สนช. แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเป็นการประชุมอะไรหรืออาจไม่ใช่การประชุม เป็นเพียงการพูดคุยกันเฉยๆ เชื่อว่าหลังจากนี้ไป สนช. คงต้องเพิ่มความร��มัดระวังมากขึ้นในการประชุม

ส่วนที่ สนช.ลงมติล้มกระดาน กสทช. ขอให้ไปดูที่นายสมชายให้เหตุผลว่าทำไม สนช.ถึงใช้อำนาจไม่โหวต การเลือก กสทช. ควรจะมีเกณฑ์ว่าควรได้เสียเห็นด้วยกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะได้เป็น ไม่ใช่มีคนเลือกแค่ 1-2 เสียง ก็ได้เป็นแล้ว ตนยืนยันว่าไม่มีใบสั่งจากนายกฯ

ในขณะที่ประธาน สนช.ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เกี่ยวข้องกับการลงมติกรณี กสทช. ข้อมูลของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. เคยใช้อำนาจมาตรา 44 ในการยุติกระบวนการสรรหากรรมการ กสทช.มาแล้ว 2 ครั้ง

ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2558 คณะกรรมการสรรหากรรมการ กสทช. ดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครกรรมการ กสทช. คนใหม่ แทน สุทธิพล ทวีชัยการ ที่ลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยคณะกรรมการสรรหาคัดเลือกผู้สมัครเหลือจำนวน 4 คน แต่ สนช.ลงมติไม่รับรองผู้สมัครรายใดเป็นกรรมการ กสทช. ส่งผลให้หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ไม่ให้มีการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติม

ครั้งที่สองเมื่อปี 2559 เมื่อมีกรรมการ กสทช. ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ หัวหน้า คสช. จึงใช้อำนาจตามมาตรา 44 ระงับการสรรหากรรมการ กสทช. คนใหม่ โดยให้เหตุผลว่า ขณะนั้น สนช. กำลังมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับ การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ประกอบ คุณสมบัติ และกระบวนการได้มา ของ กสทช. ซึ่งแตกต่างไปจากกฎหมายเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: