ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 โดยตอบ 'วิโรจน์ ลักขณาอดิศร' สส.พรรคประชาชน ว่า
ขอบคุณ คุณวิโรจน์ ที่ได้สื่อสารกับผม ประชาชนที่เลือกพรรคของคุณมาตลอด ผม และประชาชนจะติดตาม แต่ไม่ใช่จับผิด ผมอยู่ในวงการเมืองไทยมานานพอที่จะรู้ดีว่า การตัดสินใจสำคัญให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศมันยาก และอาจเกิดแรงกระทบมหาศาล เพราะพรรคการเมืองมีกลุ่มผลประโยชน์ มีโหวตเตอร์สนับสนุนความคิดอ่านที่หลากหลาย ผมนั้นเคยอยู่ในวงการเมือง และใช้วิธีการแบบเดียวกับที่คุณวิโรจน์ทำ คือ ซื่อๆ ตรงไปตรงมา แต่ในการเมืองไทยที่แวดล้อมด้วยสิ่งซับซ้อนปัจจัยที่อยู่เหนือความควมคุม ผมว่าจนป่านนี้พรรคประชาชนทุกคนคงตกผลึกรู้ดีแล้วว่า ผมหมายถึงอะไร
มาถึงวันนี้ บรรดาผู้บริหารพรรคตลอดจน ส.ส. ที่ทำหน้าที่แทนคนไทยต้องใช้การตัดสินใจทางการเมืองที่แหลมคม เด็ดขาด จากประสบการณ์ทางการเมืองที่ได้รับมาพอสมควรแล้ว ผมเป็นผู้สนับสนุนด้วยใจ ไม่มีข้าง ไม่ใช่อนุรักษ์นิยม และไม่ใช่เสรีนิยม ผมเป็นคนที่อยู่ข้างไหนก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม วันนี้บรรดาผู้บริหารพรรคอาจไม่เห็นสิ่งที่ผมเตือน ไม่ใช่ผมไปเก่ง หรือบังอาจใดๆ แต่เพราะผมเข้าใจบริบทการเมืองแบบไทยๆ ในช่วงชีวิตปัจจุบัน ไม่เพ้อฝันไปถึงอนาคตที่ไกลเกินไป
ผมเคยเป็นอย่างคุณวิโรจน์ และ ส.ส. พรรคประชาชนมาก่อน เรียนรู้จากความผิดพลาด จนเป็นประสบการณ์ จึงเตือนด้วยความหวังดี พรรคประชาธิปัตย์คือตัวอย่างที่ดี ที่แม้จะเต็มไปด้วยประสบการณ์ ยังพลาดเพียงเพราะการก้าวผิดเพียงก้าวเดียว แม้แต่ระบบพรรคที่ดีอย่างพรรคประชาธิปัตย์ยังพลาด จึงไม่มีอะไรไปการันตีว่าพรรคประชาชนจะไม่พลาด จนบัดนี้คงเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ผมก็เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคการเมืองเป็นทางเลือกที่มีอย่างจำกัด เราต้องการให้พวกท่านได้ใช้อำนาจแทนพวกเราในฐานะประชาชนอย่างดีที่สุดเมื่อใช้ไปในทางที่เราไม่เห็นด้วย จึงเป็นสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเราคือผู้เลือกพวกท่านเข้ามาทำหน้าที่เราไม่ใช่คู่แข่งขัน ไม่ได้เสนอตัวมาต่อสู้ ทางการเมืองใดๆ ให้พรรคประชาชนมองอนาคตอันใกล้นี้ จากการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นเกณฑ์ว่า คะแนนของพรรค หากมากขึ้นกว่าเดิมแสดงว่าท่านทำถูกแต่หากคะแนนน้อยลงกว่าเดิม แสดงถึงสัญญาณว่าพรรคของท่านพลาดในการตัดสินใจครั้งนี้
ขอบคุณ คุณวิโรจน์ ที่เปิดใจ นี่เป็นวิธีการที่ดีในการที่พรรค หรือสมาชิก ส.ส. จะสื่อสารกับประชาชน ขอให้ประสบความสำเร็จ และคงไว้ด้วยอุดมการณ์ งานการเมืองเป็นงานอาสา เป็นตัวแทนประชาชนจึงต้องเปิดใจรับฟัง แม้ว่าผมจะพูดแรง แต่ไม่เคยหวังร้ายแต่อย่างใดไม่ได้เชียร์ตะพึดตะพือ ไม่ลืมหูลืมตา ทำให้เกิดการหลงตัวเอง แล้วทำให้พรรคพาอุดมการณ์ไปลงเหวคนอย่างผม รักมาก ก็วิจารณ์แรงมาก เป็นธรรมดา อย่าได้ถือสา
ผมเป็นเพียงประชาชนคนเดินดิน กินข้าวแดงในคุกมาก่อน เห็นโลกและผู้คนที่หลากหลายมากมายในโลกการเมือง เราไม่ได้เลือกคนดี คนที่ไม่เคยพลาด แต่เลือกคนเลวน้อยที่สุด เพราะคนดีไม่สามารถยืนอยู่ได้ในการเมือง
การเลือกตั้งครั้งหน้า คะแนนจะบอกว่าการตัดสินใจของพรรคประชาชนในการเลือกพรรคภูมิใจไทยไปยุบสภา ถูกหรือผิด ผมแค่เสียงเดียว มันไม่มีผลหรอกครับ ให้ประชาชนตัดสินด้วยการลงคะแนนดีกว่า หวังว่าจะไม่ใช่แบบเดียวกับที่ผมเคยเตือนพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปเลือก “ลุงตู่” ส่วนเลือกตั้งครั้งก่อนที่พรรคภูมิใจไทยคะแนนลด เพราะนโยบายสาธารณะเรื่อง “กัญชา” ที่ผิดพลาด ไม่ได้เกี่ยวกับผมอีกเหมือนกัน