ไม่พบผลการค้นหา
‘ณัฐวุฒิ’ ชี้ ‘ดีลพิสดาร’ MOA ส้ม-น้ำเงิน ไปไกลเกินกว่า ‘มีชัย ฤชุพันธุ์’ จินตนาการ สร้าง ‘ฝ่ายค้าน’ ตั้ง ‘รัฐบาล’ ค้ำอำนาจ ‘อนุรักษ์นิยม’ เตือน ‘พรรคประชาชน’ เร่งมัดมือ ‘ภูมิใจไทย’ เสนอ ‘ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ’ ร่วมกัน เพื่อผลักดันแก้ รธน. ตามเป้าหมาย MOA ก่อนได้ ‘สสร.สีน้ำเงิน’ มาคุมยกร่าง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) กล่าวว่า MOA ส้ม-น้ำเงิน ที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยร่วมกันก่อตั้งรัฐบาลชุดนี้เป็นการอุ้มสมเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ให้ไปไกลเกินกว่าจินตนาการของนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ วางเอาไว้ เพราะเจตนารมณ์ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือต้องการอำนาจรัฐผ่านระบบรัฐสภา โดยมี สว. ที่เป็นพวกตัวเองคอยเลือกองค์กรอิสระเพื่อให้สามารถคุมกลไกตรวจสอบถ่วงดุลทั้งหลายเอาไว้ แต่ MOA ส้ม–น้ำเงินได้ส่งผลให้อำนาจรัฐของพรรคภูมิใจไทยมีพลังของพรรคแกนนำฝ่ายค้านคอยหนุนส่งอยู่อีกทางหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะมั่นใจว่าตอนที่มีการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายมีชัยและคณะ ก็คิดไม่ถึงว่าจะไปได้ถึงขนาดนี้ 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขณะนี้เมื่อพรรคภูมิใจไทยเสนอเนื้อหาของร่างฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว แม้เนื้อหาจะสามารถรับฟังได้แต่เจตนากลับส่อว่าอาจจะเป็นปัญหา เพราะการให้อำนาจรัฐสภา เลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาทั้งหมด 99 คน สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิด ส.ส.ร.สีน้ำเงินขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพราะพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมี สส. อยู่ 69 เสียง เมื่อรวมกับเสียงของ สว.สีน้ำเงิน ซึ่งคาดว่าอาจจะมีได้ถึง 150 เสียง ก็จะกลายเป็นกลุ่มการเมืองที่มีคะแนนสูงสุดในรัฐสภา หากรวมกับคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ก็จะทำให้สามารถกำหนดตัวส.ส.ร. ที่จะมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กลายเป็น ส.ส.ร.สีน้ำเงิน หมดทั้ง 99 คนเลยหรือไม่  

“ผมจึงขอเรียกร้องให้พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งร่วมกันตั้งรัฐบาลตามดีลพิสดาร ได้สร้างความชัดเจนให้เกิดความมั่นใจในหมู่ประชาชน โดยการจับมือกันให้ สส. ทั้ง 2 พรรค ร่วมกันลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน โดยมีเนื้อหาสาระที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน หากจะต้องระมัดระวังเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่า ไม่ใช่เป็นการยกอำนาจหรือยก ส.ส.ร. ให้กับฝ่ายการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” นายณัฐวุฒิกล่าว  

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการลงนามร่วมกันของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ในข้อตกลง MOA ส้ม-น้ำเงิน จนถึงวันที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยเห็นพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยตั้งโต๊ะพูดคุยกันในระดับผู้นำพรรค เพื่อสร้างความชัดเจนและหลักประกันให้กับประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงสมควรอย่างยิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาชนจะนัดหมายหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อประกาศร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 2 พรรค ที่ได้มีการลงนามร่วมกันต่อหน้าประชาชนเหมือนลงนาม MOA 5 ข้อและร่วมกันยื่นเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของทั้ง 2 พรรคเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาต่อไป

นอกจากนี้ ทั้งพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยก็ควรที่จะจับมือกันเดินไปหารือกับ สว. อย่างเปิดเผย เพื่อขอรับการสนับสนุนในการลงคะแนนผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในคราวเดียวกันด้วย เพื่อให้ดีลพิสดารในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้สามารถบรรลุเป้าหมายตาม MOA เปิดทางให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้อย่างแท้จริง