ไม่พบผลการค้นหา
‘มนพร เจริญศรี ’ จี้รัฐบาลอนุทิน มุ่งปิดคดีเพื่อการเลือกตั้ง นโยบายใหญ่ไม่จบจริงใน 4 เดือน จัดทัพราชสีห์ เลื่อนตำแหน่งแบบขึ้นทางด่วนเตรียมกรุยทางสู่การเลือกตั้ง

นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายรัฐบาลประเด็น ‘รัฐบาลเฉพาะกิจ มุ่งปิดคดีเพื่อการเลือกตั้ง หวังผลประโยชน์ให้พวกพ้อง’ โดยตั้งข้อสังเกตว่า ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศต่อสาธารณชนว่าเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน แต่จากการกระทำหลายอย่าง ตั้งแต่การแต่งตั้งพวกพ้อง โยกย้ายข้าราชการที่อาจถูกมองว่าเป็นคนของตัวเองเข้าไปยังกระทรวงต่างๆ นั้น อาจเป็นที่น่าสงสัยว่ากระทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยเฉพาะการโยกย้ายเข้ากระทรวงนั้นเป็นกระทรวงใหญ่ 

นางมนพรขยายประเด็นนี้ว่า ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2567 ครั้งนายอนุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้เกิดการโยกย้ายข้าราชการครั้งใหญ่กว่า 30 ตำแหน่งในคราวเดียว สื่อมวลชนถึงกับขนานนามว่าการกระทำนั้นเป็นการ ‘จัดทัพราชสีห์’ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการจัดคน – วางพวกมากกว่าการบริหารราชการ ตัวอย่างเช่นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นอธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น หรือ บุคคลใกล้ชิดของตระกูลทางการเมืองก็ได้รับตำแหน่งสำคัญ

ขณะเดียวกัน ยังมีการ ‘เลื่อนตำแหน่งแบบขึ้นทางด่วน’ ของอดีตหน้าห้องนักการเมือง ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯ ในเวลาอันสั้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นการส่งสัญญาณไปยังระบบราชการทั้งประเทศว่าความก้าวหน้าไม่ได้ขึ้นกับผลงาน แต่ขึ้นอยู่กับพวกพ้องของนักการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งก็เป็น จนสื่อมวลชนหลายคนขนานนามว่าหากจะเติบโตได้ดีต้องเป็นคน ‘สายสีน้ำเงิน’ 

ประเด็นต่อมาที่นางมนพรอภิปรายคือ นโยบายเอื้อประโยชน์การเลือกตั้งสร้างภาระการคลังและความเหลื่อมล้ำ โดยนางมนพรตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายใหญ่ที่ประกาศ จะทำได้จริงใน 4 เดือนนี้หรือไม่ หรือเป็นเพียงการประกาศไปเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากจะทำไม่ได้จริงแล้วยังอาจสร้างภาระทางการคลังผูกพันไปอีกเป็นสิบยี่สิบปี 

ตัวอย่างเช่น ‘ฟรีโซลาร์เซลล์ ฟรีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า’ ที่เรียกว่าเป็นอภิมหาการอุดหนุนเพราะเป็นการอุดหนุนถึง 5 ชั้น ทั้งการติดตั้งฟรี, รับซื้อไฟฟ้าคืน 25 ปี, สิทธิซื้อรถราคาถูก, สินเชื่อปลอดดอกเบี้ย, และพลังงานชาร์จฟรี ซึ่งงบทั้งหมดผูกพันงบประมาณระยะยาว ไม่ใช่เพียงจ่ายครั้งเดียว แต่สร้างภาระดอกเบี้ยและหนี้ที่ประชาชนทั้งประเทศต้องแบกรับลากยาวไปอีก 25 ปี ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำลายการแข่งขันของภาคเอกชนที่อยู่ในสองตลาดนี้ เพราะเมื่อรัฐซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดเข้ามาแข่งขันกับเอกชนโดยตรง อาจทำให้เกิดการบิดเบือนตลาด เสี่ยงผูกขาดให้สัมปทานแต่เอกชนเพียงบางเจ้าเท่านั้น 

อีกประเด็น คือ การประกาศดันโครงการใหญ่อย่างแลนด์บริจด์ ซึ่งเป็นนโยบายใหญ่ที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 4 เดือน สองเหตุผลนี้ทำให้สงสัยว่า ไม่อาจทำนโยบายให้สำเร็จได้ใน 4 เดือนแน่นอน 

โครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนสูงกว่าหนึ่งล้านล้านบาท ในระหว่างนี้ การดำเนินโครงการออกแบบทางรถไฟ และจัดทำ EIA จะแล้วเสร็จในปี 2569 และการออกแบบ มอเตอร์เวย์และจัดทำ EIA จะต้องแล้วเสร็จในปี 2569 และจะต้องมีกฎหมายที่สนับสนุนการ

พัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ที่เรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC)กำหนดสำนักงานเฉพาะกิจ ระบบการกำกับดูแล และระบบของกองทุน รวมทั้งกลไกการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ปัจจุบันพบว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ต้องผ่าน คณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน และกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายเดือน หลังจากนั้นส่งกลับมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อนำส่งให้กฤษฎีกาได้ตรวจทานและถามความเห็นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องใช้เวลาถึง 30 วัน เพื่อ

นำเข้าให้ ครม.ผ่านจาก ครม.เสร็จ ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้สภาผู้แทนราษฎร และ สว. พิจารณา โดยจะต้องใช้ระยะเวลาเกินกว่า 4 เดือนแน่นอน จากไทม์ไลน์คร่าวๆ นี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จได้ในเวลา 4 เดือน 

นางมนพรกล่าวปิดท้ายว่า รัฐบาลเฉพาะกิจนี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อหวังแค่หวังอำนาจทางการเมือง แต่ไม่ได้มุ่งเน้นด้านขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ หวังลุแก่อำนาจ ใช้กลไกราชการเป็นเครือข่ายพรรคการเมือง ใช้นโยบายประชานิยมแบบต่อเนื่องเป็นภาระในระบบของวินัยการคลังให้กับประเทศ รวมทั้งการ สร้างหนี้ให้กับคนรุ่นหลัง และการผลักดันโครงการใหญ่เกินตัว ไม่ผูกพันธ์กับวาระรัฐบาล ประชาชนคนไทยสมควรได้รับการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ และเป็นรัฐบาลที่สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ ของพี่น้องประชาชน ที่เลือกผู้แทนราษฎรเข้ามา