กองทัพภาคที่ 1 โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ขอสรุปสถานการณ์ประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ณ เวลา 15.00 น. ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ดังนี้
พื้นที่บ้านหนองจาน ฝ่ายไทย มีมวลชนเข้าพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งนักข่าว ประมาณ 150 คน และมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ นำตู้คอนเทนเนอร์ 20 ตู้ มาวางบริเวณ จต.ส.40 พื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน, สื่อมวลชน,ทหาร และตำรวจ คอยติดตามความเคลื่อนไหวและการปฎิบัติของฝ่ายไทย ประมาณ 30-40 คน สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ การปฏิบัติการที่สำคัญ กกล.บรูพา โดย ฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทย มีมวลชนจำนวนหนึ่งในพื้นที่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญ พื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน มวลชนและผู้สื่อข่าว จำนวนประมาณ 30-40 คน ในวัดเปรยจันเป็นจุดศูนย์กลางในการแสดงจุดยืน, การประชาสัมพันธ์ แจ้งขาวสาร, เป็นพื้นที่รับ-ส่ง เสบียง, สิ่งของสัมภาระ และสิ่งของอุปโภค-บริโภค สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ ปฏิบัติการที่สำคัญ กกล.บูรพา โดยฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
กรณีฝ่ายกัมพูชา ได้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านโจกเจยและหมู่บ้านเปรยจัน เพื่อสังเกตการณ์ ตรวจสอบ การปิดเครื่องเสียงผ่านลำโพงของฝ่ายไทย อ้างเป็นการข่มขู่และคุกคามทางจิตใจและสร้างความรำคาญแก่ชาวกัมพูชาในพื้นที่ ทั้งนี้ทีมงานของฝ่ายไทย ได้ทำการกระจายเสียงเกี่ยวกับสารคดีประวัติศาสตร์ในค่ายอพยพ เมื่อประชาชนกัมพูชาหนีภัยสงครามกลางเมืองมาพึ่งพา
อาศัยในพื้นที่ประเทศไทย และเกี่ยวกับประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้บุกรุกชาวกัมพูชาในพื้นที่อธิปไตยไทย ในข้อหาบุกรุกและครอบครองพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ถือเป็นส่วนหนึ่งการปฏิบัติการจิตวิทยา ตามแผนจากเบาไปหาหนักของฝ่ายพลเรือน
นอกจากนี้ ฝกร.ศปก.ทภ.1 ได้ร่วมกับจังหวัดสระแก้ว กกล.บูรพา และมทบ.19 ในการซักซ้อมแผนอพยพประชาชน จากพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อ.ตาพระยา,อ.โคกสูง,อ.อรัญประเทศ และอ.คลองหาด โดยเป็นการซักซ้อมอพยพประชาชนเข้าพื้นที่พักพิงชั่วคราว ตามแผนอพยพของ จ.สระแก้ว จำนวน 10 แห่ง มีผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว และ ผบ.กกล.บูรพา ร่วมให้คำแนะนำในการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน
สำหรับภารกิจการเก็บกู้ระเบิด กกล.บูรพา ยังคงเดินหน้าดำเนินการตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิดที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยหน่วยได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้น รถถากถางหุ้มเกราะ D5, เครื่องจักร GCS-200 , จนท.หน่วย ช.สนาม 7 ชุด และได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ร่วมปฏิบัติการเพื่อคืนพื้นที่ปลอดภัยครอบคลุมอธิปไตยของไทยทั้งหมด หากพบตรวจพบทุ่นระเบิดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในทุกภารกิจ ขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชน ที่เข้าใจและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง ขอให้เชื่อมั่นว่าจะดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อทวงคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ