ไม่พบผลการค้นหา
'ธนาธร' แถลงการณ์ปิดคดี ครั้งสุดท้ายก่อนชี้ชะตา ส.ส. ยัน กกต.เร่งรัดรีบส่งศาล รธน.ทั้งที่ยังไต่สวนไม่เสร็จ พร้อมย้ำนิตยสารปิดตัวก่อนตัวเองลงสมัคร ส.ส. ไม่เคยทำนิตยสารให้คุณ-โทษทางการเมือง ชี้คดีไม่เกี่ยวยุบพรรค ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ ครวญตัวเองผิดเรื่องเดียว ต่อต้านอำนาจ คสช.

เวลา 10.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ​ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่​ แถลงการณ์ปิดคดีกรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งมีผลเกี่ยวกับคุณสมบัติ ส.ส. ของตัวเอง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย. นี้ โดยมี 4 ประเด็นที่จะชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชน ประกอบด้วย บริษัทวี-ลัคฯ ประกอบกิจการสื่อและตัวเองเป็นเจ้าของหรือยังถือหุ้นอยู่หรือไม่ก่อนสมัคร ส.ส. กับการถือหุ้นดังกล่าวผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกระบวนการพิจารณาคดีถูกต้องเที่ยงธรรมและเป็นธรรมกับตัวเองหรือไม่

โดยนายธนาธร เชื่อมโยงประเด็นจาก การที่ศาลฎีกา ตัดสิทธินายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร ของพรรคฯ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ( 3) ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ยื่นเรื่อง โดยดูจากเอกสารก่อตั้งบริษัทหรือหนังสือบริคณห์สนธิเท่านั้น แต่ ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องของ ส.ส.หลายคน ที่ถูกร้องว่าถือหุ้นสื่อ โดยให้เหตุผลว่า จะพิจารณาแค่หนังสือบริคณห์สนธิไม่เพียงพอ ต้องดูเอกสารทางการเงินอื่นๆและที่มารายได้บริษัทประกอบว่าบริษัทต่างๆ ประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ด้วย จึงเห็นมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน

ย้ำนิตยสารปิดตัวก่อนลงสมัครเลือกตั้ง - พ.ร.ฎ.เลือกตั้งบังคับใช้

นายธนาธร ระบุว่า นิตยสาร 3 เล่มของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด คือ นิตยสาร Who ออกเป็นฉบับสุดท้าย ต.ค. 2559 ส่วนอีก 2 นิตยสาร ที่บริษัทวี-ลัค ผลิตแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ คือ นิตยสาร Jib jib ฉบับสุดท้ายคือ ธ.ค. 2561 เจ้าของคือ บริษัท นกแอร์ ปิดตัวไปแล้ว และนิตยสาร wealth เจ้าของคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ฉบับสุดท้ายคือไตรมาสสุดท้ายปี 2559 

ดังนั้น ในวันที่ 26 พ.ย.2561 ปิดตัวนิตยสารไปทั้งหมดแล้วและปี2562 บริษัทไม่มีรายได้อีกแล้ว รายได้เดียวเกิดจากขายทรัพย์สินเพื่อปิดกิจการในปี 2562 ดังนั้น บริษัท วีลัค - มีเดีย จำกัด จึงไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะเป็นสื่อได้อย่างไร ถ้าบริษัท วี-ลัคฯ ไม่เหลือความเป็นสื่อ ดังนั้น ที่ผ่านมาก็จบความหมาย ยืนยันไม่ได้เป็นสื่อตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 

ส่วนประเด็นที่สอง ตนเป็นผู้ถือหุ้นสื่อก่อนสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 6 ก.พ. 2562 หรือไม่นั้น ในคำร้อง กกต.บอกตนยังถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 โดย กกต.อ้างอิงเอกสารทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นของกระทรวงพาณิชย์ คือ บอจ.5 แต่ในทางนิตินัย ในโลกธุรกิจและที่ใช้บังคับจริง ว่า เอกสาร บอจ.5 ไม่ใช่หนังสือยืนยันการเป็นผู้ถือหุ้น แต่เป็นการแจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นต้อกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น ในวันที่ 6 ม.ค. 2562 ตนได้โอนหุ้นให้มารดา(นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ) เรียบร้อยแล้ว มีตราสารโอน มีการจ่ายเงินต่อหน้าพยาน และเปลี่ยนผู้ถือหุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าไม่มีหลักฐานพอ ซึ่ง กกต.ไม่มีหลักฐาน ถือว่าธุรกรรมเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมไปแล้ว

นายธนาธร ระบุว่า ประเด็นที่สาม เรื่องการถือหุ้นสื่อผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนขอยกที่มามาตรา 98 (3) ซึ่งมีมาตั้งแต่ รัฐธรรมนูญปี 2550 ถ้าดูคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์เคยอภิปรายไว้ว่า มาตราดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะผู้กุมอำนาจรัฐแทรกแซงสื่อทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งกว้านซื้อสื่อเป็นเจ้าของ การไปเป็นเจ้าของสื่อทำให้แทรกแซงสื่อ และกระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน ตนขอชี้แจง นิตยสารที่ตั้งแต่เกิดขึ้นและตายลงไม่เคยให้คุณทางการเมืองและโทษกับคู่แข่งทางการเมือง เจตนารมณ์ไม่ต้องการให้โทษให้คุณทางการเมือง 

"วันที่นิตยสารในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัดปิดตัววันที่ 26 พ.ย.2561 ไม่มีรายได้แล้ว เป็นการปิดตัวโดยไม่รู้การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ทั้งนี้ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งทั่วไปบังคับใช้ในวันที่ 23 ม.ค. 2562 แต่บริษัทปิดไปตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2561 เราไม่มีเจตนาคงอยู่ แต่ปิดตัวก่อนมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งทั่วไป" นายธนาธร ระบุ

ซัด กกต.รวบรัดส่งสำนวนไปศาล รธน. ยังสอบพยานไม่เสร็จ

ส่วนประเด็นที่ 4 เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีถูกต้องเป็นธรรมและให้ความยุติธรรมกับตัวเองหรือไม่นั้น นายธนาธร ระบุว่า คณะกรรมการไต่สวนของ กกต. เคยเรียกพยานสองคนและทนายโรตารี่ที่เป็นพยานในวันโอนหุ้นการที่พยานดังกล่าวได้รับเรื่องให้ไปชี้แจงในวันที่ 22 พ.ค.2562 แต่ กกต.ส่งเรื่องไป 16 พ.ค. 2562 หมายความว่าคณะกรรมการสืบสวนของ กกต.ยังทำไม่เสร็จสิ้น แต่ กกต.ชุดใหญ่ยังทำไม่เสร็จ นี่คือกระบวนการเร่งรัดหรือไม่ นี่เป็นการส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทั้งที่สำนวนการไต่สวนยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นคดีเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง และฟ้องไม่สุจริตหรือไม่

นายธนาธร ระบุว่า แถลงการณ์ปิดคดี ตนยืนยันบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ไม่ใช่สื่อตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2561 เพราะไม่มีรายได้ไม่มีพนักงานแล้ว และเกิดขึ้นก่อนวันที่ตนเดินสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งตอนนั้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัดไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว

"ผมผิดอะไร คำตอบไม่ใช่ถือหุ้นสื่อ ไม่ไช่เรื่องให้เงินพรรคกู้ ความผิดคือ ผมต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. พวกเรามีความฝันและฝันเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย เป็นนิติรัฐ นิติธรรม เมื่ออยู่ภายใต้กฎหมายควรได้รับความเท่าเทียมกัน และประเทศไทยไม่มีรัฐประหารในอนาคต ความฝันเช่นนี้ผิดบาปมากหรือครับในประเทศนี้" นายธนาธร ระบุ

นายธนาธร มองว่า "กระบวนการที่ไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกร้อง แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยให้ยกคำร้องไปเสีย"

ลั่นคดีหุ้นไม่เกี่ยวยุบพรรค ยันยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ

นายธนาธร ระบุว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายคนอายุเกิน 70 ปีไปแล้ว ผ่านการทำรัฐประหารมาแล้ว 10 ครั้ง ท่านเหล่านั้นถ้าเกิดปี 2500 ผ่านการทำรัฐประหาร 8 ครั้ง ตนเกิดมาผ่านรัฐประหาร 4 ครั้งเราจะส่งต่อแบบนี้ให้ลูกหลานหรือไม่

สำหรับการวางบทบาทการเมือง หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในทางลบ นายธนาธร ระบุว่า คดีบริษัท วี-ลัค มีเดีย ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นเรื่องมาตรา98(3) เรื่องคุณสมบัติ ส.ส. ยืนยันคดีนี้ไม่เกี่ยวยุบพรรค และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรแคนดิเดตนายกฯ ไม่เกี่ยวยุบพรรค แต่เกี่ยวกับ ส.ส.เท่านั้น ตนขอชี้แจงว่ามาตรา 98 (3)ไม่เกี่ยวกับสถานะของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

"ส่วนอนาคตของผมไม่อยากให้มองว่ายิ่งใหญ่จนพรรคเดินต่อไปไม่ได้ จะมีผมหรือไม่มีผม ก็มีการยื่นยกเลิก พ.ร.บ.เกณฑ์ทหารเข้าสู่สภาแล้ว คือการทำนโยบายแปรเปลี่ยนเป็นกฎหมายในสภาให้ได้ เราตั้งพรรคมาเล่นตามกติกา เราทำงานมุ่งมั่นในกติกา เราทำงานในกรอบของกฎหมาย" นายธนาธร ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :