ไม่พบผลการค้นหา
ประธานรัฐสภา เผยที่ประชุมวิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา ตัวแทนรัฐบาล เห็นพ้องกรอบเวลาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย วันที่ 14-15 ต.ค.นี้ รวม 19 ชั่วโมง 30 นาที พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญ 42 คน พิจารณาในวาระที่ 2 และ 3

สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) คณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) และตัวแทนรัฐบาล เพื่อกำหนดกรอบเวลาในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 14-15 ต.ค.นี้ ว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งเสนอโดยพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย พร้อมกัน โดยจะลงมติแยกร่างในวาระที่ 1 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 42 คน แบ่งตามสัดส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แต่ละพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ต่อไป สำหรับกรอบเวลาในการอภิปรายทั้งหมด รวมเวลาของผู้เสนอร่างทั้ง 3 ฉบับ รวมเป็น 19 ชั่วโมง 30 นาที โดยแบ่งเป็นเวลาของประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา 5 ชั่วโมง 30 นาที พรรคร่วมรัฐบาล 3 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง ทั้งนี้ คาดว่าการลงมติจะใช้เวลาประมาณ 2–3 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นการขานชื่อสมาชิกทั้ง 700 คน เพื่อระบุว่าจะรับหรือไม่รับร่างใดร่างหนึ่ง หรือรับทั้งหมด หรือไม่รับทั้งหมด

ต่อข้อถามความกังวลต่อการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า ไม่มีความกังวลใดๆ เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นพ้องกันแล้วว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการดำเนินการจะเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อกังวลไว้ครบถ้วนแล้ว ทั้งในเรื่องของขั้นตอน วิธีการ และการทำประชามติ ซึ่งที่ประชุมได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปเผยแพร่ให้สมาชิกแต่ละพรรคใช้เป็นหลักเกณฑ์ประกอบการอภิปราย เชื่อว่า หากการพิจารณาเป็นไปตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญ จะสามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างถูกต้องและราบรื่น พร้อมย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่ต้องผ่านการพิจารณาทั้ง 3 วาระของรัฐสภา และต้องเป็นไปตามเงื่อนไขเสียงสนับสนุนจากสมาชิกทั้งสองสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้