นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตประธานกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการฯ อดีต.สส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการตั้งรัฐมนตรีของรัฐบาลหนู 1 ออกอาการหนักหนาสาหัสจนเกินเยียวยา ผ่านมาไม่กี่สัปดาห์มีแต่คนส่งข้อมูลเทาๆมาให้ตน มีรัฐมนตรีหลายคนมีผลประโยชน์ซับซ้อนแต่ก็ยังดันทุรังตั้งชนิดที่ไม่อายใคร ดึงคนนอกมาแต่ละคนหากรู้ประวัติแล้วจะหนาว
ทั้งนี้ตนจะยื่นให้องค์กรอิสระ ดำเนินคดี ในการแต่งตั้งรัฐมนตรี คนนอกหลายคน ที่มีประวัติด่างพร้อย โดยคนแรก คือนายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เหาะเหินเดินอากาศมาเป็นรัฐมนตรี และนายกฯ มอบหมายให้ไปดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ) เนื่องจากพบว่า มีความไม่เหมาะสมมีผลประโยชน์ทับซ้อนและเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ที่สคบ.กำกับดูแลหรือไม่
ทั้งนี้ ตนตรวจสอบพบว่านายสันติเคยเป็นกรรมการบริหาร บริษัท .... พร็อพเพอร์ตี้ฯ ที่ดำเนินกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีเรื่องถูกร้องเรียน และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ดำเนินคดีแพ่ง (ฟ้องคดี) กับบริษัท ... พร็อพเพอร์ตี้ฯ ต่อศาลหลายคดี เพื่อบังคับให้บริษัทฯรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค
นายกรัฐมนตรีกลับแต่งตั้ง ให้นายสันติ มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายก ที่กำกับดูแล สคบ .ซึ่ง เป็นหน่วยงานที่ต้องคลีน และ ต้องอยู่ เคียงข้างประชาชนผู้เดือดร้อนและผู้บริโภค โดยต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเคยเป็นผู้กระทำต่อประชาชน
'บริษัทฯ ที่นายสันติ เคยเป็นกรรมการบริหารถูกร้องเรียน และมีคดีกับ สคบ.หลายคดี ถึงแม้จะลาออกแค่ไม่กี่วันก่อนรับตำแหน่งแต่บริษัทก็มีชนักติดหลัง นายกฯหนู รู้เต็มอกหรือไม่ประชาชนผู้บริโภค จะไว้ใจได้อย่างไร'
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า การที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ กำกับดูแล สคบ. ถือว่าไม่ตรงปก ประชาชนไม่สามารถไว้วางใจได้ เพราะมีความขัดกันแห่งผลประโยชน์โดยตรงอย่าง ชัดเจน นายสันติ เคยเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเมื่อตรวจสอบพบว่า ยังทำธุรกิจการให้กู้ยืมเงิน ให้บริการด้านสินเชื่อแบบลิสซิ่งฯ แม้จะได้ลาออกก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่กี่วัน หลังเข้ารับตำแหน่ง แต่พอมาเป็น รมต.กลับแต่งตั้งทีมเลขานุการฯ และทีมงานที่ปรึกษาของตนเองซึ่งส่วนใหญ่ เป็นทีมนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และด้านการให้สินเชื่อกู้ยืมเงินหรือลีสซิ่ง
การที่นายสันติ แต่งตั้งที่ปรึกษาแต่ละคนมา ช่วยบริหารสั่งการ สคบ. ที่มีอำนาจหน้าที่กำกับตรวจสอบตลอดจนการดำเนินคดีแพ่งและอาญา เพื่อลงโทษแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่เอาเปรียบผู้บริโภค ด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านสัญญาในการให้บริการสินเชื่อให้กู้ยืมเงิน หรือการทำสัญญา ซึ่งตนสืบค้นประวัติของแต่ละคนพบว่าอันตราย และอาจจะหนีไม่พ้นที่จะ เข้าไปแทรกแซงหรือเป่าคดี เพื่อให้หน่วยงาน สคบ .กระทำการ หรือไม่ รวมทั้งกระทำการใดเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจตนเองทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งตนจะทยอยเปิดเผยประวัติของคณะที่ปรึกษาแต่ละคนให้สังคมพิจารณา
ทั้งนี้ตนเห็นว่านายกรัฐมนตรี ต้องปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ทันทีเพราะไม่ใช่แค่นายสันติ ที่ประชาชนอาจไม่ไว้วางใจเท่านั้นยังมีอีกหลายคนที่ตนได้รับข้อมูลเป็นจำนวนมาก
“ตนจะยื่นร้องต่อองค์กรอิสระเพื่อเอาผิดทั้งผู้แต่งตั้งรวมทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะที่ปรึกษา ซึ่งอาจมีเจตนาในการเข้ามาแทรกแซงระบบราชการ รวมทั้งประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อองค์กรอิสระต่อไป” นายจิรายุ กล่าว