นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อกรณีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในงานเสวนา ‘ผ่าทางตัน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน‘ ที่จัดโดยกลุ่ม Con For All และรายการฟังเสียงประชาชน ThaiPBS ว่า วันที่ 10 กันยายนนี้ สังคมน่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องทำประชามติจำนวน 2 หรือ 3 ครั้ง ซึ่งหมุดหมายนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ และเกิดขึ้นก่อนวันแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นแนวทางการเริ่มต้นที่ชัดเจนของนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ว่าจะทำประชามติครั้งแรกเมื่อไร โดยมีคำถามประชามติอย่างไร ทั้งนี้กรอบเวลาในการเตรียมการทำประชามติที่ให้ไว้ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามตินั้น คือ 60-150 วัน ซึ่งต่างจากกรอบเวลาในการจัดการเลือกตั้งใหม่หลังยุบสภาที่ให้ไว้ 45-60 วัน ดังนั้นความชัดเจนเรื่องคำถามและวันในการออกเสียงประชามติควรต้องมีความชัดเจนทันที และหากต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ในครั้งแรกควรดำเนินการโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอถึง 4 เดือน
นายชนินทร์กล่าวว่า พรรคประชาชนในฐานะผู้ที่ยกมือสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลสีน้ำเงินครั้งนี้ ต้องช่วยกันกดดันรัฐบาลใหม่ให้มีความชัดเจนเรื่องนี้ และหากไม่สามารถดำเนินการได้โดยเร็วหลังแถลงนโยบาย ก็ควรจะเท่ากับพรรคภูมิใจผิดข้อตกลงที่ทำกับพรรคประชาชนแล้ว แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น จะติดตามการทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านที่แท้จริง และจะไม่ยอมให้เรื่องใดๆที่เคยผลักดันไว้ เงียบหายไปหรือถูกชะลอกระบวนการ ทั้งในส่วนของคดีฮั้ว สว., คดีเขากระโดง หรือการเตะถ่วงแก้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น และหากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เราก็พร้อมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
“การขับเคลื่อนเรื่องรัฐธรรมนูญ ต้องใช้เสียงทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ซึ่งในอดีตพรรคประชาชน เคยวิจารณ์เช่นกันว่า สว.ชุดปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองสีน้ำเงิน ผมหวังว่าพรรคประชาชนที่บอกว่าจะกำกับการทำงานของพรรคภูมิใจไทย จะร่วมรับผิดชอบต่อทิศทางของ สว. ด้วย เพราะการปล่อยให้ สว. ปัจจุบันอยู่ทำหน้าที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่มีการขัดขวางทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และวางเครือข่ายองค์กรอิสระในระยะยาว“ นายชนินทร์กล่าว