ไม่พบผลการค้นหา
'ดร. นลินี ประธานผู้แทนการค้าไทย' ผนึกกำลังรัฐ-เอกชนไทย ร่วม SelectUSA 2025 ย้ำไทยเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่ลงทุนและจ้างงานมากที่สุดในสหรัฐ แย้มหากสถานการณ์เอื้ออำนวย เอกชนไทยพร้อมลงทุนกว่าอีก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุม SelectUSA Investment Summit 2025 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ได้นำคณะผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนไทยเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกับพันธมิตรภาครัฐและภาคธุรกิจของสหรัฐฯ รวมถึงแสดงออกถึงศักยภาพของเอกชนไทยในการลงทุนและสร้างงานเพิ่มเติมในสหรัฐฯ

ทีมประเทศไทยที่นำโดย ดร.นลินี ประกอบด้วยนายชุตินทร คงศักดิ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวิรัตน์ ธัชศฤงคารสกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และคณะผู้บริหารจากบริษัทเอกชนชั้นนำของไทย เช่น ปตท.สผ., เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), อินโดรามา เวนเจอร์ส, เอสซีจี แพคเกจจิ้ง, ไทยซัมมิท และบ้านปู โดยมี ดร. สุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ทำหน้าที่หัวหน้า “ทีมประเทศไทย” ในสหรัฐฯ รับบทบาทประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานสหรัฐฯ รวมถึงจัดการนัดหมายคณะ

“เรามาที่นี่เพื่อแสดงศักยภาพของเอกชนไทยในตลาดสหรัฐฯ และสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและสมดุล” ดร.นลินีกล่าว พร้อมเน้นว่า การสร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศคือหัวใจสำคัญของความร่วมมือในระยะยาว

ดร.นลินี กล่าวย้ำในเวทีระดับโลกครั้งนี้ว่า “ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา เราพร้อมจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่สมดุล เข้มแข็ง และเป็นประโยชน์ร่วมกัน”

ดร.นลินีเผยว่า ข้อมูลล่าสุดระบุว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่มีการลงทุนและการจ้างงานในสหรัฐฯ มากที่สุด โดยมีมูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างการจ้างงานไม่น้อยกว่า 15,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงบทบาทของไทยในฐานะพันธมิตรด้านเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้ จากการหารือกับภาคเอกชนไทย ดร.นลินีคาดการณ์ว่า หากสถานการณ์การลงทุนเอื้ออำนวย ไทยมีศักยภาพที่จะขยายการลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอนาคตอันใกล้

ดร.นลินียังเน้นว่า บริษัทไทยจำนวนมากไม่ได้มองสหรัฐฯ เป็นเพียงตลาดส่งออกเท่านั้น แต่ยังเล็งเห็นถึงศักยภาพของสหรัฐฯ ในฐานะ ฐานการผลิตระดับโลก โดยมีแผนจัดตั้งหรือขยายโรงงานในสหรัฐฯ เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง ลดแรงต้านด้านการค้า และสร้าง ห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ดร.นลินียังระบุว่า ไทยต้องการให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ เป็นไปในลักษณะ “หุ้นส่วนแบบวิน-วิน (Win-Win Partnership)” โดยเฉพาะในสาขา พลังงาน และ เกษตรกรรม ซึ่งทั้งสองประเทศมีศักยภาพเสริมกันได้อย่างดี ไทยมีทรัพยากรและแรงงานที่มีคุณภาพ ขณะที่สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างมั่นคง

ขณะเดียวกัน ดร.นลินียังเล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้าน เกษตร พลังงาน และดิจิทัล เพื่อลดความไม่สมดุลทางการค้า พร้อมวางรากฐานสู่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ สมดุล เกื้อกูล และยั่งยืน

ในช่วงการประชุม SelectUSA 2025 คณะของไทยยังมีกำหนดเข้าพบเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ นักลงทุนรายสำคัญ และหอการค้าท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ สุขภาพ และ AI

การเข้าร่วม SelectUSA 2025 ภายใต้การนำของ ดร.นลินี จึงไม่เพียงสะท้อนศักยภาพของไทยในเวทีการค้าสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญในการยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ให้เป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สมดุล มั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว