ไม่พบผลการค้นหา
ทนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม โพสต์ผิดหวังต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชนที่จะโหวตอนุทินเป็นนายกฯคนที่32 ระบุ ขัดแย้งกับหลักการและอุดมการณ์ที่พรรคเคยยึดมั่น

ทนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก หลังพรรคประชาชนประกาศโหวตหนุน อนุทิน แคนดิเดตนายกฯจากพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยระบุว่า

ผมขอตั้งคำถามและแสดงความผิดหวังอย่างตรงไปตรงมาต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชน ตามประสาคนไม่เชี่ยวชาญทางการเมือง

การที่พรรคประชาชนตัดสินใจโหวตให้อนุทินฯ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขัดแย้งกับหลักการและอุดมการณ์ที่พรรคเคยยึดมั่นมาโดยตลอด พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนไม่เคยมีจุดยืนหรือแนวคิดทางการเมืองที่สอดคล้องกัน แล้วเหตุผลใดพรรคจึงยอมโหวตให้ผู้ที่มีจุดยืนตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง?

พรรคในฐานะผู้ที่มีอุดมการณ์สามารถแสดงความกล้าหาญทางการเมืองได้ด้วยการยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับพรรคใดและเสนอให้มีการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจสูงสุดให้ประชาชนได้ตัดสินใจอีกครั้ง แต่พรรคกลับเลือกที่จะสละโอกาสนั้น และยอมเป็นส่วนหนึ่งของขั้วอำนาจเก่า

หรืออำนาจรัฐพันลึก!!

ในสถานการณ์ที่ข้อเสนอให้ยุบสภาถูกตีกลับ พรรคประชาชนมีจุดยืนอย่างไรต่อไป? การที่รัฐธรรมนูญไม่ถูกเคารพ และอำนาจรัฐพันลึกถูกปล่อยให้มีอิทธิพลเหนือหลักการประชาธิปไตย พรรคควรแสดงจุดยืนที่แน่วแน่และไม่ยอมจำนน ถ้าพรรคเป็นพรรคอุดมการณ์จริงจะต้องยืนยันในเจตจำนงของประชาชนอย่างถึงที่สุด และสนับสนุนการยุบสภาอย่างเต็มที่ด้วยการไม่โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี

การให้เหตุผลว่ามีการตั้งเงื่อนไขกับพรรคภูมิใจไทยให้ยุบสภาภายใน 4 เดือน มันเป็นเพียงลมปากที่ไร้หลักประกันใด ๆ เมื่อการโหวตครั้งสำคัญที่พรรคต้องยืนยันในอุดมการณ์ยังทำไม่ได้ แล้วประชาชนจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าพรรคจะกล้าออกมาคัดค้านหรือเรียกร้องให้ยุบสภาหากเกิดเหตุการณ์พลิกผันขึ้นจริง เช่น “ข่าวใหญ่” บทเรียนจากการโหวตกฎหมายพระคลังข้างที่ก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าพรรคไม่สามารถยืนหยัดในอุดมการณ์ได้แม้ในเรื่องสำคัญ

การที่พรรคประชาชนตัดสินใจร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีสมาชิกที่ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อดำเนินคดีกับคุณภูมิธรรมฯ ถือเป็นการยอมรับการกระทำที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตยอย่างรุนแรง พรรคสามารถแสดงจุดยืนชัดเจนได้ว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวและปฏิเสธที่จะร่วมโหวตให้กับพรรคที่มีแนวคิดเช่นนี้

แต่พรรคกลับเลือกที่จะเป็น "นั่งร้าน" ให้กับผู้ที่มีอำนาจและกลไกทางกฎหมายเพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมือง หากวันนี้พรรคยังยอมให้พวกเขาขึ้นสู่อำนาจ เราจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าในอนาคตจะไม่ถูกทำลายเสียเอง?

ความผิดหวังในครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นในพรรคประชาชนในฐานะ "พรรคอุดมการณ์" ได้หมดสิ้นลงแล้วโดยสิ้นเชิงไปแล้ว

เชิญคณะทัวร์มาลงได้เลยครับ