ไม่พบผลการค้นหา
ดราม่า #nnevvy ของแฟนนักแสดงซีรีส์วายเป็นชนวนให้แฟนคลับชาวจีนทะเลาะกับแฟนคลับชาวไทยที่ลุกลามไปถึงสถานะการปกครองตนเองของไต้หวันและฮ่องกง 'วอยซ์ออนไลน์' ได้พูดคุยกับชาวไต้หวันและฮ่องกงว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับกระแสนี้

ดราม่าข้ามชาติ #nnevvy ที่เริ่มจากความไม่ตั้งใจของ ‘ไบร์ท วชิรวิชญ์’ นักแสดงซีรีส์วายเรื่อง ‘เพราะเราคู่กัน: 2gether the Series’ และ ‘นิว วีรญา’ แฟนสาวของไบร์ท โดยไบร์ท รีทวิตรูปวิวอาคารในเมืองของช่างภาพคนหนึ่ง ซึ่งบอกว่า “4 ภาพนี้ถ่ายจาก 4 ประเทศ ฮ่องกง-ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-ไทย” แฟนคลับชาวจีนไม่พอใจที่ทวิตนี้ "เรียกฮ่องกงเป็นประเทศ"  ขณะที่ นิว เคยรีทวีตข้อความที่บอกว่าไวรัสโคโรนามาจากจีน และ การโพสต์อินสตาแกรม ของ นิว ที่ระบุ“เหมือนสาวไต้หวัน” ทำให้แฟนคลับชาวจีนจำนวนมากไม่พอใจ แต่แฟนคลับชาวไทยก็ออกมาโต้แย้ง พร้อมยืนยันในหลักประชาธิปไตยและสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเองของทั้งไต้หวันและฮ่องกง

สงครามทวิตเตอร์คราวนี้ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว แฟนคลับชาวจีนพยายามกล่าวโจมตีประเทศไทยและรัฐบาลไทย แต่ชาวไทยในทวิตเตอร์กลับไม่รู้สึกเจ็บแค้น และมองว่าเป็นเรื่องตลก พร้อมตอบโต้กลับด้วยอารมณ์ขัน จนทำให้ชาวไต้หวันและฮ่องกงประทับใจ ถึงขั้นมีการเปิดเพจ Nnevvy เพื่อแชร์มีมเกี่ยวกับอารมณ์ขันของคนไทยจากเหตุการณ์นี้ และผลิตมีมใหม่ๆ เพื่อใช้อารมณ์ขันสู้กับชาวจีนชาตินิยมในแผ่นดินใหญ่


โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงได้ทวีตข้อความว่า “ฮ่องกงยืนเคียงข้างเพื่อนชาวไทยผู้รักเสรีภาพเพื่อต่อสู้กับการกลั่นแกล้งจากจีนแผ่นดินใหญ่” พร้อมอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน #nnevvy โดยระบุว่า ชาวเน็ตไทยที่เป็นแฟนซีรีส์วายเหล่านี้เป็น “หัวก้าวหน้าที่ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตา (ไม่เหมือนคนจีน)” และเยาวชนไทยก็สนับสนุนไต้หวันที่เป็นประเทศหัวก้าวหน้าที่เพิ่งจะอนุญาตการแต่งงานเพศเดียวกัน

โจชั่ว หว่องกล่าวว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เขามีความหวังอย่างมากกับการเคลื่อนไหวของเยาวชนและการมีส่วนร่วมทางสังคมระหว่างประเทศ และ “เราอาจจะสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบบใหม่ในแพน-เอเชีย เพื่อต่อสู้กับอำนาจนิยมทุกรูปแบบ” พร้อมเขียนคำว่า “ขอบคุณ” ด้วยภาษาไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ เขายังเล่าถึงประสบการณ์ที่เขาเดินทางมาไทยเพื่อร่วมงานเสวนาวิชาการ แต่กลับถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิตามคำขอของรัฐบาลจีน และความรู้สึกกลัวหลังจากรู้ข่าวว่า 'กุ้ยหมินไห่' ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ในฮ่องกงที่ตีพิมพ์หนังสือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีน หายตัวไปจากพัทยา แล้วไปเจอตัวอีกครั้งในเรือนจำในกรุงปักกิ่ง

โจชัว หว่อง ทวีต #nnevvy

ด้านเค วาย หว่อง ศิลปินและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและความเท่าเทียมทางเพศของฮ่องกงเล่าว่า สงครามทวิตเตอร์ระหว่างคนจีนแผ่นดินใหญ่กับไทยเป็นไวรัลไปทั่วโซเชียลมีเดียชาวฮ่องกง และสำนักข่าวกระแสหลักในฮ่องกงอย่าง สแตนนิวส์ ก็รายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แต่สแตนนิวส์ก็ถือว่าเป็นสำนักข่าวที่ค่อนข้างใหม่ในฮ่องกง

เธอให้สัมภาษณ์ว่า ชาวฮ่องกงรู้สึกประทับใจชาวไทยมาก จากเดิมที่ชาวฮ่องกงก็ชอบประเทศไทยและคนไทยมาก เมื่อมีเหตุการณ์นี้ คนฮ่องกงก็ยิ่งชื่นชมคนไทยมากขึ้น เธอยังกล่าวว่า “คนฮ่องกงรู้ว่าคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์กันมานานแล้ว เราชอบแชร์โฆษณาและละครไทยกันบ่อยๆ แต่นี่ยกระดับขึ้นไปอีก”

อย่างไรก็ตาม เค วาย หว่อง มองว่า ดราม่านี้ไม่ได้กระทบกับกลุ่มชาตินิยมจีนแผ่นดินใหญ่นัก เพราะคนจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ “ตื่นรู้” ว่ารัฐบาลของตัวเองไม่ดี มีเพียงชาวจีนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่พวกเขาก็มักเจอการปราบปราม เธอมองว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวฮ่องกงได้สนุกบ้างจากที่จีนแผ่นดินใหญ่ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง และ “เป็นสิ่งที่พวกเราต้องเรียนรู้ว่า ไม่ควรเสียเวลาและจริงจังเกินไปกับพวกเกรียนชาตินิยมจีนแผ่นดินใหญ่” โดยเธอใช้คำว่า Wu mao (อู่เมา) ที่แปลว่า 50 สตางค์ ซึ่งเป็นศัพท์ที่เธอใช้เรียกผู้มีแนวคิดจีนแผ่นดินใหญ่ชาตินิยม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินจากรัฐบาลจีน 50 สตางค์


ส่วนหูไฉ่ผิง หรือ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Emmy Hu อดีตผู้สื่อข่าวชาวไต้หวันในสำนักข่าวของจีนแผ่นดินใหญ่หลายปี ก่อนจะกลับไปไต้หวัน และเป็นนักวิจารณ์ฝั่งสนับสนุนรัฐบาลของไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน เธอได้อธิบายแฮชแท็ก #nevvy ในเฟซบุ๊กของเธอ เพื่อให้คนไต้หวันไปตามอ่านสงครามทวิตเตอร์

หูให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ออนไลน์ว่า คนไต้หวันรู้สึกสนุกมากกับแฮชแท็กนี้ แค่ในโพสต์ของเธอก็มีคนกดไลก์มากถึง 40,000 คนแล้ว เพราะคนไต้หวันรู้สึกว่าชาวเน็ตจีนแผ่นดินใหญ่มักกลั่นแกล้งคนไต้หวัน และประเทศอื่นก็ไม่เคยช่วยไต้หวัน เพราะต่างก็อยากได้เงินของจีน “เพื่อนฉันบอกว่า โห คนไทยแข็งแกร่งมาก อัดคนจีนอย่างหนัก และมีมไทยก็ตลกมาก ฉันอ่านหมดเลย หัวเราะหนักมาก เซฟมีมเยอะมากด้วย ฉันเลยแนะนำให้คนตามไปอ่านในทวิตเตอร์”

หูเล่าอีกว่า ช่วงแรกคนไต้หวันมองว่า รัฐบาลไทยรักประเทศจีน เพราะมีข้อความ “สู้ๆ อู่ฮั่น” เต็มสนามบิน แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าคนไทยมีความเห็นแตกต่างไปจากรัฐบาล พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจ และที่ผ่านมาพวกเขาก็มักรู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้งและหักหลักจากประเทศอื่นๆ เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้สึกว่าความยุติธรรมกำลังจะมาถึงแล้ว 

หูยังกล่าวว่า ชาวไต้หวันหลายคนวางแผนว่า เมื่อโควิด-19 หายไป พวกเขาอยากมาเที่ยวประเทศไทย พร้อมกล่าวชื่นชมคนไทยด้วย

เช่นเดียวกัน เจิ้งเหวินช่าน นายกเทศมนตรีเถาหยวน นักการเมืองคนสำคัญของพรรครัฐบาลไต้หวันที่มีการคาดการณ์ว่าอาจเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดีไต้หวันคนต่อไปก็ออกมาทวีตข้อความว่า “ขอบคุณเพื่อนๆ ของเราจากประเทศไทย ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไต้หวันมานาน เราหวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนกันมากขึ้นหลังจบโรคระบาดโควิด-19” พร้อมเขียนข้อความเป็นภาษาไทยว่า “ไต้หวันและไทย สู้ไปด้วยกันนะครับ”

เจิ้งเหวินช่าน ทวีต #nnevvy

ด้านสวีเหอเชียน ผู้สื่อข่าวชาวไต้หวันในสำนักข่าวจีนแผ่นดินใหญ่กล่าวว่า เขาได้ยินข่าวว่ามีดราม่านี้ แต่ชาวเน็ตจีนช่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น โซเชียลมีเดียจีนในขณะนี้กำลังให้ความสำคัญกับว่าควรจะต้องรับมือกับชุมชนชาวแอฟริกันในกว่างโจวอย่างไร

สวีมองว่า สื่อของทางการจีน รวมถึงช่องทางออนไลน์ของรัฐบาลจีนก็ “ดูเหมือนจะตั้งใจไม่ให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องโหมเชื้อไฟเรื่องนี้ให้สาธารณะรู้ไปแล้ว” เขาจึงคิดว่าสงครามทวิตเตอร์ครั้งนี้น่าจะมีคนจีนน้อยมากที่ไปร่วม

สวีอธิบายว่า ตั้งแต่เริ่มวิกฤตโควิด-19 รัฐบาลไทยปฏิบัติต่อประเทศจีนและคนไทยในไทยอย่างดีมาก ทำให้ไทยก็ยังชนะใจคนจีนได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการไม่แบนการเดินทางคนจีน จ่ายค่ารักษาให้คนจีนที่ป่วยในไทย ไม่ยกเลิกเที่ยวบินโดยทันที ซึ่งส่วนตัวเขามองว่าเหมือนจะเป็นผลของการประเมินที่ผิดพลาดมากกว่ารักษาน้ำใจจีน

อย่างไรก็ตาม เพื่อนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ฝ่ายเสรีนิยมของสวีรู้สึกดีใจที่ได้เห็นชาวเน็ตไทยตอบโต้กับชาวเน็ตจีนชาตินิยม “ถือเป็นเวลาดีๆ ที่ได้เห็นพวกชาตินิยมจีนถูกสั่งสอนซะบ้างว่าจะปฎิบัติตัวเองให้ดีบนอินเทอร์เน็ตอย่างไร” โดยคนไทยตอบโต้ด้วยวิธีที่ตลกมาก และดูเปิดใจยอมรับกับปัญหาและข่าวฉาวทางการเมืองของประเทศตัวเอง และแม้คนไทยจะล้อคนจีนเรื่องไวรัส แต่เพื่อนชาวจีนของเขาก็บอกว่า ชินแล้ว เพราะไทยก็ไม่ใช่คนชาติแรกที่เล่นมุกล้อคนจีนเรื่องโควิด-19

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: