ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย วันนี้ (13 ตุลาคม 2568) ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 3 ก๊ก สีแดง สีน้ำเงิน และสีส้ม จะเข้าที่ประชุมรัฐสภาพรุ่งนี้
ผมเคยเสนอให้พรรคคู่ดีลตาม MOA เสนอร่างร่วมกันเพื่อแสดงเจตจำนงค์ตามที่ประกาศว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือเป้าหมายสูงสุดของการตั้งรัฐบาลชุดนี้ แต่นอกจากไม่เสนอร่างร่วมกันแล้ว เรายังไม่เห็นภาพการหารือกันระหว่าง 2 พรรค หรือภาพน้ำเงินกับส้มจับมือกันไปคุยกับ สว. เพื่ออธิบายเนื้อหา เป้าหมาย และชวนกันร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
นายกฯอนุทินพูดในสภาอ้างว่าใครเสนอให้ไปคุยกับสว. เท่ากับวางกับดักให้ท่านทำผิดกฎหมาย ไปก้าวก่ายแทรกแซงสภาสูง
แหม…. ท่านนายกฯก็
คดีฮั้ว สว.ยังพูดโครมๆว่าไม่กลัว แค่ไปคุยกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้ชาวบ้านเห็นความตั้งใจจริง แล้วตบท้ายตามสูตรว่าฝาก สว.พิจารณารัฐบาลเคารพการตัดสินใจ จะผิดอะไรตรงไหน ตอนหัวหน้าเท้งพูดเรื่องดีลครั้งแรกต้นเดือนกรกฎาคม ช่วงหนึ่งก็พูดถึงพรรคการเมืองที่คุยกับ สว.ได้ แปลว่าคาดหวังพลังบวกด้านนี้ของสีน้ำเงินอยู่แล้ว แต่ไม่มีรูปธรรมใดๆ
ยิ่งเห็นข่าวพรรคภูมิใจไทยคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เชิญรองนายกฯบวรศักดิ์เข้าให้ข้อมูล ก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไมไม่คุยกับสีส้มด้วย นัดกันต่างหากไม่ต้องวงเดียวกับพรรคร่วมก็ได้ หรืออีกมุมคือสีส้มทำไมไม่เปิดเกมรุก ชวนนายกฯกับแกนนำพรรคน้ำเงินมานั่งคุยกันชัดๆ
พอเสนอคนละร่างก็มีประเด็นว่าร่างของใครจะเป็นร่างหลัก แม้ในที่สุดจะรับหลักการทั้ง 3 ร่างแล้วไปว่ากันในชั้นกรรมาธิการ แต่ตามข่าวเห็นพรรครัฐบาลจะยึดหลักร่างภูมิใจไทย แล้วพรรคประชาชนคิดเห็นอย่างไร ในฐานะเจ้าของดีลควรเสนอให้พรรคน้ำเงินรับร่างสีส้มเป็นร่างหลัก เพราะโดยเนื้อหาก็ถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่ และส่วนที่แตกต่างกันนั้นอาจทำให้เกิดสสร.สีน้ำเงินขึ้นมาได้
ในชั้นกรรมาธิการผมอยากเห็นพรรคประชาชนเป็นประธาน โหวตให้เขาเป็นนายกฯขนาดนี้อย่างน้อยต้องได้ลูกเกรงใจ มีอะไรในที่ประชุมจะได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลและสว.ได้
พรรคสีส้มดูถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อสีน้ำเงินมากไปหรือไม่ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญสำคัญที่สุดในMOA ที่ทำอยู่ตอนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือน เราควรเห็นอะไรที่ชัดเจน มีน้ำหนักมากกว่านี้
ไม่ใชทำในบรรยากาศและวิธีการเหมือนเสนอกฎหมายทั่วไปฉบับหนึ่ง
สีน้ำเงินกับสว.เขาไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ เคยขวางให้เห็นชัดๆมาแล้ว ปล่อยตามธรรมชาติแบบนี้รอดยาก