วันนี้ (25 ก.ค. 68) เวลา 13.30 น. นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ณ โรงพยาบาลสนาม บริเวณอาคารอเนกประสงค์ ฝูงบิน 466 น่าน และเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลน่าน อ.เมืองน่าน จ.น่าน โดยมี นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน หัวหน้าส่วนราชการ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน นพ.วสันต์ แก้ววี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน นพ. ณัฐธร ดาราพงศ์สถาพร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน และคณะ ร่วมลงพื้นที่

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดน่าน พร้อมทั้งให้กำลังใจพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลน่านสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ โดยเพิ่มเติมโรงพยาบาลสนามขึ้นมาเพื่อที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยที่ Admit เข้ามาใหม่ ส่วนผู้ป่วยเดิมตอนนี้ทางโรงพยาบาลสามารถจัดการบริหารให้ขึ้นไปรักษาชั้นบนได้ด้วยการที่ได้เตรียมการเครื่องปั่นไฟ ระบบไฟฟ้าสำรองไว้ อยู่ในสถานะที่ควบคุมได้ รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ภาคส่วน ทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้สนับสนุนเครื่องกำลังไฟ และการประปาส่วนภูมิภาคเดินเครื่องผลิตจ่ายน้ำประปาเข้าสู่ระบบ

"ในขณะนี้ ทางมณฑลทหารบกที่ 38 ค่ายสุริยพงษ์ ได้สนับสนุนอุปกรณ์การทำความสะอาดและร่วมกับประชาชนจิตอาสารวมถึงบุคลากรช่วยกันล้างทำความสะอาดโรงพยาบาล ชะล้างล้างโคลนต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วันพื้นที่โรงพยาบาลน่านก็จะกลับสู่ภาวะปกติ โดยต้องขอชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลน่านที่ทำงานกันตั้งแต่คืนที่น้ำเอ่อล้นเข้าโรงพยาบาล และได้ทำการขนย้ายอุปกรณ์การแพทย์ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อน ทำให้พี่น้องประชาชนไม่เคว้งคว้าง สามารถใช้บริการได้ในยามเจ็บป่วยฉุกเฉิน ในส่วนของผู้ป่วยหนักก็มีโรงพยาบาลรองรับเพื่อที่จะส่งตัวผู้ป่วยต่อได้ จึงขอชื่นชมการบริหารจัดการและการเตรียมความพร้อมรับมือในครั้งนี้" นางสาวธีรรัตน์ กล่าว

นางสาวธีรรัตน์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ที่ในปีนี้ระดับน้ำสูงกว่าปีก่อน ๆ ส่งผลให้น้ำกระจายตัวขยายพื้นที่เข้าท่วมในวงกว้างมาก พื้นที่ที่ไม่เคยท่วมสูงถึง 2 เมตร ปีนี้ก็ต้องประกบกับสถานการณ์ ดังนั้น เราก็ต้องมาดูถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และถอดบทเรียน เพื่อที่จะรองรับสถานการณ์ในปีหน้าที่คาดว่าน้ำจะมาเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่ในปีนี้ที่อาจจะเกิดสถานการณ์ทางภัยธรรมชาติที่อาจคาดไม่ถึง เพื่อปรับกระบวนงานให้สามารถรับมือและเผชิญกับสถานการณ์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น