ไม่พบผลการค้นหา
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน มองเศรษฐกิจไทยปี 2562 ยังถูกบั่นทอนจากสงครามการค้า เงินบาทแข็งค่า และการเมือง หั่นเป้าจีดีพีปีนี้โตเพียง ร้อยละ 2.9-3.3 จากเดิมคาดร้อยละ 3.7-4.0 ส่งออกมีโอกาสติดลบร้อยละ 1 จ่อถกแบงก์ชาติ-รัฐบาลใหม่ ออกมาตรการช่วย

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีสัญญาณอ่อนแรง ทั้งการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่กดตัว รวมถึงการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวในระดับต่ำ และหากประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลังแม้ว่ารัฐบาลใหม่จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลกระทบจากการส่งออก ทำให้ กกร.ได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 2.9-3.3 จากเดิมร้อยละ 3.7-4.0 ขณะที่การส่งออกปรับลงมาที่ร้อยละ -1.0 ถึง 1.0% แต่คงกรอบอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ 0.8-1.2

"ประเด็นพวกนี้ มีทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ภายนอก เช่น สงครามการค้า ความเชื่อมั่น อย่างเรื่องความเชื่อมั่น บางครั้งส่งจากข้างในออกไปข้างนอก ผลักออกไปข้างนอก เรื่องภายใน เช่น การจัดทำงบประมาณประจำปี ที่อาจจะมาช้าสัก 3 เดือน แต่ที่ผ่านมาการเบิกจ่ายภาครัฐปีนี้ ก็ไม่ได้แพ้ปีที่แล้ว" นายปรีดี กล่าว

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดในภูมิภาคเป็นปัจจัยที่ภาคเอกชนค่อนข้างเป็นห่วง จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการการดูแลค่าของเงินบาท โดยภายในสัปดาห์หน้า กกร. จะเข้าไปหารือกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือถึงการออกมาตรการดูแลค่าเงินบาท โดยมองว่าอัตราค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ 

"เรื่องสงครามการค้าแม้จะเบาบางลง แต่ก็ยังเป็นที่กังวลอยู่ สองเรื่องค่าเงิน และสามเรื่องการเมืองที่แม้จะตั้งรัฐบ��ลได้ แต่กว่าจะผลักดันนโยบายต่างๆ และการใช้งบประมาณก็ช้าไปอีก และทำให้การขับเคลื่อนไม่เต็มมือมากนัก" นายสุพันธุ์ กล่าว

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ สภาหอการค้าไทย ทาง กกร.กำลังเตรียมยื่นสมุดปกขาวให้กับรัฐบาลใหม่ พร้อมไปหารือกับคณะรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วน เพื่อเสนอแนะแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :