16 ม.ค. 2563 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงกรณีที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ลาออกจากพรรค โดยนายชูวิทย์ระบุว่าเป็น “ปาหี่การเมืองเรื่องประชาธิปัตย์

นายชูวิทย์ ระบุว่า เคยเขียนถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเจตนาดีว่า ช้าเร็วหากพรรคนี้ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้าสถานการณ์ จะมีแต่ตกต่ำลง หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะยิ่งได้เก้าอี้ลดน้อยถอยลงไปอีก แม้จะพรรคอนุรักษนิยมที่เก๋าเกม แต่ถึงเวลาของการบริหาร ทั้งการบริหารประเทศ และการบริหารภายในพรรค กลับไม่กล้าตัดสินใจ ยึดตามผู้ใหญ่ในพรรค ยึดเอาตัวบุคคลเป็นหลัก จนบางครั้งเหมือนทำอะไรไม่เป็น และยังคงทำแบบนี้มารุ่นต่อรุ่นตราบใดที่ผู้ใหญ่ไม่ไปไหน แล้วอย่างนี้จะเป็นพรรคการเมืองที่มีความเป็นสถาบันได้อย่างไร

นายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า การเมืองภายในพรรคย่อมเป็นข้อดีที่มีความหลากหลายทางความคิด แต่การลงเรือลำเดียวกันแล้วแย่งกันพายไปคนละทิศคนละทาง ใครทนไม่ได้ ก็ไล่ลงท่าเรือหน้า หรือหากจะเป็นแผนแตกพรรคสาขา ทำทีมีใจให้กัน ก็ไม่ใช่ข้อดีของระบบพรรคการเมืองในยุคใหม่

“การทยอยแยกตัวออก อาจเกิดจากการวางแผนเพื่อต่อสู้กับพรรคอนาคตใหม่ที่มีอุดมการณ์หอมหวลกว่า เย้ายวนต่อคนรุ่นใหม่มากกว่า ที่ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์จะใช้ความพยายามแสร้งทำเสียมากเท่าไหร่ ก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่า ผู้ใหญ่ในพรรค ไม่เอาด้วย เลยทำได้ไม่เต็มสูบ ยิ่งในระยะหลังๆ การปล่อยให้ผู้มีความเห็นต่างไหลออกไป การมองเห็นประโยชน์จากกลุ่มก๊วนภาคในพรรค ที่ต่างได้ดิบได้ดี ยิ่งอุณหภูมิให้เกิดการออกไปตั้งพรรคใหม่ หรือออกจากสมาชิกพรรคมากขึ้นเรื่อยๆ” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ ย้ำด้วยว่า อย่าไปแปลกใจที่บางคนอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์แท้ๆ แต่ทำตัวแปลกแยกไม่เชื่อฟังพรรคเสียเท่าไหร่ ไม่น่ารักเหมือนเดิม ใครคุมใครไม่ได้ วินัยพรรคลืมไปได้ เพราะมันใช้ต่อรองได้ตามประสาการเมืองแบบประชาธิปัตย์ ที่บางคนทำไม่เป็นก็ต้องโบกมือลา หากจะอยู่ประชาธิปัตย์ ต้องอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ ต่อรองให้ได้