ไม่พบผลการค้นหา
‘พิธา’ ตอบจดหมายตัวแทน ‘ข้าราชการบำนาญ’ ยืนยัน ไม่ตัด ไม่ลด บำนาญ ย้ำ ‘งบช้างป่วย’ หมายถึง วิธีการจัดการงบประมาณประเทศของประยุทธ์ ชี้ หากการหารายได้ไม่สอดคล้องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาอาจย้อนกลับและกระทบถึงสวัสดิการข้าราชการในอนาคตด้วย เผย รู้ว่าเสี่ยง แต่ถ้าไม่พูดตั้งแต่ตอนนี้ สถานการณ์วิกฤติขึ้นมาจริงอาจสายเกินแก้

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบจดหมาย ศรศักดิ์ อ้วนล้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ที่มีคำถามต่อกรณีการอภิปรายงบประมาณปี 66 เกี่ยวกับผลกระทบต่อข้าราชการบำนาญ ว่า เป็นการตอบจดหมายตามสัญญาเพื่อตอบข้อสงสัยที่มีต่อการอภิปรายงบประมาณของตนในสภา 3 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 มีอคติกับข้าราชการบำนาญหรือไม่ ? อะไรคือความหมายของ ‘งบช้างป่วย’ 

พิธา ตอบว่า ‘งบช้างป่วย’ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ‘ข้าราชการบำนาญ’ แต่หมายถึง ‘วิธีในการจัดงบประมาณประเทศของรัฐบาล’ ที่รวมถึง รายได้ รายจ่าย การกู้ชดเชยขาดดุล ซึ่งจะไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน

“ผมต้องเรียนท่านว่าผมมีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการบำนาญ ตัวผมเองก็เคยทำงานที่กระทรวงพาณิชย์มาก่อน เข้าใจหัวอกข้าราชการเรื่องค่าตอบแทนที่น้อยกว่าเอกชนและปัญหาของข้าราชการไทยในการดูแลประชาชนไม่มากก็น้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีอคติต่อข้าราชการครับ”

ประเด็นที่ 2 มีนโยบายในการตัดงบประมาณเงินเดือนหรือบำนาญหรือไม่ 

พิธา ตอบว่า ไม่ตัด ไม่ลด เงินบำนาญท่านจะไม่ถูกกระทบ

“ผมไม่เคยพูดว่าบำนาญ ‘เป็น’ ปัญหาหรือภาระ แต่พูดว่า หากหารายได้ เก็บรายได้ไม่ได้สอดคล้องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะ ‘มีปัญหา’ รวมถึงสวัสดิการประชาชนหรือแม้แต่สวัสดิการข้าราชการเองในอนาคต ในทางกลับกัน ถ้าไม่พูดถึงตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อช่วยกันแก้ไข เกรงว่าสถานการณ์อาจสายเกินแก้ และอาจกลายเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆ เมื่อรัฐบาลหารายได้ให้สอดคล้องกับรายจ่ายในอนาคตไม่ได้ จึงอยากกันไว้ดีกว่าแก้

ประเด็นที่ 3 ที่ท่านรู้สึกว่าการอภิปรายทำลายความรู้สึกของผู้อาวุโส พาดพิงให้เกิดความเสียหาย

พิธา ตอบว่า ขอยืนยันในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีเจตนาในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร เพื่อทำลายความรู้สึก ยืนยันว่าเคารพประชาชนทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือประชาชน โดยเฉพาะผู้อาวุโสในช่วงวิกฤติสังคมสูงวัยที่ตนต้องการที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนดีขึ้น

“สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกข้อท้วงติง คำแนะนำ และต้องขออภัยหากการทำหน้าที่ผู้แทนฯ ของผมทำให้ท่านกังวลใจ เสียใจ หรือเสียความรู้สึก ก่อนอภิปรายนั้นผมพอทราบว่ามีความเสี่ยงในการพูดเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่าควรพูดตั้งแต่ตอนนี้ แทนที่จะไปพูดในอนาคต เพราะความเป็นห่วงสถานการณ์งบประมาณ โดยเฉพาะรายได้ของเราในอนาคตที่อาจจะกระทบกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอายุหรือสาขาอาชีพอะไร ตอนนี้เรายังมีเวลาสามารถมาระดมสมองช่วยกันก่อนจะสายเกินแก้ ขับเคลื่อนประเทศไทยของพวกเราทุกคนไปด้วยกันครับ”