ไม่พบผลการค้นหา
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังไม่เผยชื่อพรรค รอชัดเจนกลาง มี.ค.นี้ ระบุ ต้องการเสนอทางเลือกใหม่เพื่อปลดล็อกความขัดแย้ง เปิดประตูบานใหม่ๆ และต้องมี 'พรรคทางเลือกใหม่' ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่จริงๆ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท (ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย) กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งพรรคการเมืองว่า ยังไม่สามารถตอบอะไรในรายละเอียด ทั้งชื่อพรรค และสมาชิกพรรค เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วตลอดเวลา ขอให้รอดูครึ่งหลังของเดือนมีนาคมนี้  


“แต่สิ่งที่บอกได้อย่างหนึ่งคือ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทวงคืนอนาคตของเรา ผมคิดว่า เราไม่สามารถปล่อยให้สังคมไทย อยู่ภายใต้ความขัดแย้งได้นานกว่านี้ ถ้านับจากการรัฐประหารปี 2549 ก็ประมาณ 12 ปีแล้ว เพราะประเทศไทย มีศักยภาพมากกว่านี้ เราไปได้ไกลกว่านี้ เพียงแต่ติดเงื่อนไขของความขัดแย้งนี้อยู่ ดังนั้น เพื่อปลดล็อกความขัดแย้ง เปิดประตูบานใหม่ๆ เราจะต้องมี 'พรรคทางเลือกใหม่' ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่จริงๆ”


ทั้งนี้ ธนาธรกล่าวว่า 'คนรุ่นใหม่' ไม่ใช่คนอายุน้อยเท่านั้น


“คนรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่คนอายุน้อยเท่านั้น แต่สำหรับผมหมายถึง คนที่ไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์ปกติ คนที่ไม่ยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอีกต่อไป คนที่ยังเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ คนที่ยังเชื่อว่าพลังของตัวเองยังสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไปยังแนวทางที่ดีขึ้นได้”

เมื่อถามว่า พรรคการเมืองใหม่ที่จะตั้งขึ้น มีนโยบายอะไรบ้าง ธนาธรกล่าวว่า ยังไม่ขอพูดถึง เพราะ คสช. คงจะห้ามไม่ให้พูดในช่วงนี้ แต่พูดได้เลยว่า เป็นนโยบายที่ก้าวหน้าแน่นอน เพราะถ้าไม่ก้าวหน้าก็ไม่รู้จะทำพรรคการเมืองทำไม และยืนยันว่า ไม่เป็นพรรคเฉพาะกิจ ถ้าผมจะทำพรรคการเมืองอะไรที่น้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ผมก็จะไม่ทำ ไม่มีอะไรน้อยกว่านั้น

“ส่วนพรรคการเมืองใหม่กว่า 40 พรรค ที่ไปจดแจ้งชื่อต่อ กกต. เมื่อวานนี้(2มี.ค.61) ผมถามว่า มีพรรคไหนบ้างที่เป็นความหวังของคุณ ผมเองยังไม่แน่ใจ ... แต่ถ้าพวกคุณ(นักข่าว) เห็นว่า มันยังมีพรรคที่เป็นความหวังได้อยู่ ผมกับอาจารย์ปิยบุตร อาจจะต้องนอนอยู่บ้านต่อก็ได้”

เมื่อถามถึงความเสี่ยงในงานการเมือง นายธนาธร กล่าวว่า สำหรับอนาคตที่ดีกว่า มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง สิ่งแรกที่คงต้องเสียไปแน่ๆ คือความเป็นส่วนตัว และความฝันอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ซึ่งอาจต้องไปทำอีกทีตอนแก่

“และในภาวะความขัดแย้งอย่างรุนแรง ผมคิดว่า อาจจะกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผม ครอบครัว และเพื่อน แน่นอน / รวมทั้ง การที่พวกเราเสนออะไรก้าวหน้าหรือไปไกลมาก มันอาจจะส่งกระทบถึงเสรีภาพ และอิสรภาพของผมด้วย”

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องนามสกุลหรือไม่ เพราะอาจถูกเชื่อมโยงกับนักการเมืองรุ่นเก่า นายธนาธร ย้ำว่า เวลาที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่พูดถึงผม ขอให้ฟังสิ่งที่ผมพูด ดูสิ่งที่ผมทำ อย่าดูนามสกุลผม