ไม่พบผลการค้นหา
“เขาไม่ใช่คนเกเร เขาแค่ไปช่วยเหลือคน” นั่นคือปากคำจาก สมควร ใกล้กลาง แม่ของบาส เด็กหนุ่มวัย 22 ปี ที่ถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ขับรถตามมาจ่อยิง หลังจากเขาและเพื่อนพยายามเข้าไปช่วยผู้ชุมนุมคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มดังกล่าวรุมทำร้ายร่างกาย หลัง คฝ. เข้าสลายการชุมนุมถึงสี่แยกคอกวัว ในเหตุการณ์ต่อเนื่องของม็อบ REDEM ค่ำคืนวันที่ 20 มี.ค.

ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนในการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม REDEM เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่สนามหลวง ไล่มาถึงเชิงสะพานปิ่นเกล้า , สี่แยกคอกวัว , อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสิ้นสุดลงที่บริเวณสี่แยกสะพานวันชาติ ได้สร้างข้อถกเถียงมากมาย โดยเฉพาะการใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการสลายการชุมนุม มีผู้สื่อข่าวถูกยิงด้วยกระสุนยางอย่างน้อย 3 ราย และยังปรากฏภาพการบุกเข้าไปควบคุมพื้นที่บริเวณสะพานวันชาติ โดยเข้าปฏิบัติการโดยอารมณ์โกรธแค้น มีการรุมทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุมที่ไม่ได้ต่อสู้ ขัดขืนการจับกุม

แต่สิ่งที่มากไปกว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังมีปฏิบัติการพิเศษของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเข้าไปซุ่มซ่อนอยู่ใกล้กับพื้นที่ชุมนุม และออกมาปฏิบัติการดักตี ดักทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุมที่กำลังถอนตัวจากพื้นที่และกำลังเดินทางกลับบ้าน

บนถนนตะนาว ถัดจากสี่แยกคอกวัว เข้ามาบริเวณช่วงตรอกสาเก – ตรอกเสถียร เป็นอีกหนึ่งในหลายสถานที่ดักทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุม ตามที่ปรากฎคลิปไวรัลในทวิตเตอร์ พบว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ดักทำร้ายร่างกายชายสวมเสื้อสีขาว ทั้งเตะ ต่อย และฟาดด้วยด้ามธง จุดนี้เองที่เป็นชนวนเหตุให้เกิดการใช้อาวุธปืนยิงใส่กล้าและบาส สองหนุ่มวัย 21-22 ปี ซึ่งพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกรุมทำร้าย ที่พวกเขาพบเจอระหว่างกำลังถอนตัวออกจากพื้นที่

ในส่วนของกล้า เขาถูกยิงเข้าที่ช่วงท้องติดอยู่ที่กล้ามเนื้อ ไม่โดนอวัยวะสำคัญ แพทย์ผ่าตัดนำกระสุนออก เวลานี้เขาออกจากโรงพยาบาล พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ยังลุกนั่ง เคลื่อนไหว ร่างกายไม่สะดวกนัก แต่สำหรับบาส เขาถูกยิงที่ต้นแขน กระสุนทะลุเข้าข้างลำตัวช่วงอก ทะลุปอด และฝังอยู่ใกล้กับกระดูกสันหลัง เบื้องต้นเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์ผ่าตัดเย็บบาดแผลเพื่อหยุดเลือด แต่กระสุนที่ฝังอยู่ในร่างกายของเขาอยู่ในจุดที่ละเอียดอ่อน แพทย์จำเป็นต้องรอให้ปอดของของคืนสภาพ จึงจะผ่าตัดนำกระสุนออกมาได้

แม้เวลานี้เขาสามารถตื่นฟื้นขึ้นมาพูดคุยกับครอบครัวได้แล้ว แต่ลำตัวช่วงล่างของเขายังไม่มีความรู้สึก ถึงอย่างนั้นก็ตาม บาสและครอบครัวยังมีความหวังว่า เขาจะลุกขึ้นมาก้าวเท้าออกเดินได้อีกครั้ง 

บาส ผู้ถูกยิงที่เสาชิงช้า ม็อบ 20 มี.ค..jpg


เรื่องราวชีวิตของ 'กลุ่มเด็กช่าง' ที่รักประชาธิปไตย

เป้ เพื่อนของบาส หนึ่งในเพื่อนที่ไปร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. เล่าย้อนถึงความเป็นกลุ่มก้อนของเขาว่า พวกเขาเป็นเพื่อนที่รู้จักคบหากันมาตั้งแต่เรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ซึ่งปัจจุบันทุกคนในกลุ่มเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ภาคค่ำ พร้อมทำงานส่งตัวเองเรียนไปด้วย ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปตามปกติของเด็กวัยรุ่นตอนกลาง เมื่อมีเวลาว่างก็จะนัดมาเจอกันพูดคุยไถ่ถาม ดูแลกันและกัน บทสนทนาของกลุ่มมีหลากหลาย ทั้งแชร์ประสบการณ์การทำงาน ทั้งเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ดีดกีตาร์ ร้องเพลง นั่งเล่นเกมด้วยกันตามประสาเพื่อน ส่วนเรื่องราวทางการเมืองก็มีพูดคุยกันบ้าง เวลามีข่าวการจับกุมผู้ชุมนุม หรือมีการสลายการณ์ชุมนุมที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ

ก่อนหน้าที่จะถึงวันนัดชุมนุมประมาณ 3 วัน เป้ เล่าว่า เพื่อนในกลุ่มที่ไปด้วยกันอีกคนได้ส่งข้อความมาชวนไปดูม็อบในวันนั้น หลายคนเห็นว่าเย็นวันนั้นเป็นช่วงที่เลิกงาน และไม่มีเรียนพอดีจึงตั้งใจไปร่วมชุมนุมด้วย แต่เมื่อพวกเขามาถึงที่นัดหมายบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็พบว่า มีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นแล้ว จึงได้พากันเข้าไปดูเหตุการณ์บริเวณสี่แยกคอกวัว 


ชนวนเหตุจ่อยิงเกิดจากการเข้าช่วยคนที่ถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งรุมทำร้าย

เป้ เล่าต่อว่า เมื่อไปถึงสี่แยกคอกวัวได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้ามาบริเวณสี่แยก ทำให้มวลชนที่อยู่บริเวณนั้นถอยร่นออกไปคนละทาง ทั้งถนนข้าวสาร อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนตะนาว ซึ่งเขาและเพื่อนเลือกที่จะออกมาทางถนนตะนาว

ในขณะที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนปิดกั้นเส้นทางถนนตะนาวช่วงเข้าสี่แยกคอกวัวได้สำเร็จ มวลชนที่ติดค้างอยู่บนถนนตะนาวต้องถอยออกมามาทางวัดมหรรณพารามวรวิหารเท่านั้น แต่ปรากฏว่าบริเวณตรอกสาเก มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งประมาณ 10 กว่าคนได้ดักทำร้ายผู้ชุมนุมที่กำลังเดินทางออกจากพื้นที่

เป้ เล่าว่า เขาและเพื่อนรวม 5 คน ขี่จักรยานยนต์ออกมาในเส้นทางดังกล่าว แล้วพบว่ามีการรุมทำร้ายชายคนหนึ่งอยู่ ทั้งหมดจึงตัดสินใจจอดรถไว้ที่ด้านหน้าวัดมหรรณพารามวรวิหาร และวิ่งเขาไปช่วยเหลือ ในช่วงชุลมุนมีเพื่อนที่ไปด้วยกันพบว่า ชายฉกรรจ์คนหนึ่งได้ชักปืนออกมา พวกเขาทั้งหมดจึงรีบวิ่งหนีออกมาขึ้นรถ แต่ก็ถูกยิงไล่หลังมาอย่างน้อย 3 นัด จุดนั้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่กระสุน 2 นัดพุ่งเข้าที่ตัวรถจักรยานยนต์

พวกเขาขี่รถตรงไปเลยทางวัด และเลี้ยวซ้ายที่สามแยกศาลเจ้าพ่อเสื้อ ก่อนหยุดรถในจุดที่คิดว่าปลอดภัยแล้ว บริเวณใกล้กับเสาชิงช้า แต่ยังไม่ทันพ้นนาที ชายกลุ่มดังกล่าวขี่จักรยานยนต์ตามมา พร้อมจ่อยิงเพื่อนทั้งสองคน คือ กล้า และบาส แล้วก็รีบขี่รถหนีไป จากนั้นเพื่อนๆ ที่ไม่ถูกยิงต่างช่วยกันดึงตัวคนเจ็บขึ้นมาที่ทางเท้า ก่อนจะมีคนช่วยประสานหน่วยแพทย์ ทีมกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ

“ตอนแรกผมก็คิดไม่ถึงว่าจะมีอะไรรุนแรงขนาดนี้ ถึงกับมาดักยิงกัน เพราะปกติที่เคยมา พอเลิกแล้วก็กลับบ้านปกติไม่มีเหตุการณ์อะไร... มันเกินไปครับ ถึงกับพกปืนกันมาในที่สาธารณะ มันเกินไป คุณอยู่ฝ่ายไหน คุณก็อยู่ที่ฝ่ายคุณดีกว่า เราก็อยู่ส่วนเรา ไม่ต้องมาทำร้ายอะไรกันดีกว่า” เป้ กล่าว 

1.JPG


แม่คิดได้อย่างเดียวว่า เขาต้องไม่เป็นอะไร คุณพระคุณเจ้าต้องคุ้มครอง

ขยับเข้ามาที่เรื่องราว และความรู้สึกของ สมควร ใกล้กลาง แม่ของบาส เธอเล่าว่าครอบครัวเดิมทีอยู่ร่วมกันทั้งหมด 4 คน มีเธอ สามี และลูกชายอีก 2 คน บาสเป็นลูกชายคนเล็ก ผู้ชาย 3 คนในครอบครัวออกไปทำงานนอกบ้านทั้งหมด เบนซ์ลูกชายคนโตได้งานทำอยู่ต่างจังหวัด ขณะที่สามีก็ออกไปทำงานรับจ้างทุกวัน จึงเหลือแค่บาสที่ค่อยช่วยเหลือดูแลเธอเวลาเจ็บไข้ หรือต้องเดินทางไปพบแพทย์ตามนัดหมาย

สมควร ป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม มาหลายปี ทุกวันนี้ยังอยู่ในกระบวนการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ต้องไปพบแพทย์ บาสจะเป็นคนที่คอยดูแลทั้งหมด ทั้งไปส่ง คอยเฝ้าอยู่เป็นเพื่อน และรับกลับ นอกจากเหนือจากนี้ภาพของบาส ที่คนเป็นแม่มองเห็นคือ เป็นเด็กที่ไม่เกเร ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร เขาพยายามตั้งใจเรียนให้จบปริญญาตรี อยากให้แม่ได้เห็นใบปริญญา เขาทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย กู้ยืมเงินจาก กยศ. เพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระค่าเทอม ก่อนจะออกจากบ้านไปทำงานจะยกมือไหว้แม่ กำชับให้กินยา พอเลิกงาน เลิกเรียนกลับมาบ้านก็จะยกมือไหว้ กลับมาแล้วนะแม่

สมควร ไม่รู้ว่า บาสยืนอยู่ฝั่งไหนในทางการเมือง เพราะบาสไม่เคยแสดงออกให้เห็น เวลาได้ยินข่าวการเมือง ได้ยินคนพูดเรื่องการเมืองบาสก็ไม่เคยออกตัว แต่เธอรู้ว่า ลูกชายคนเล็กเป็นคนมีน้ำใจ ขี้สงสาร ชอบช่วยเหลือคน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอไม่คิดถือโทษโกรธลูกที่ไปร่วมชุมนุม จนตัวเองถูกยิงบาดเจ็บ เพียงแต่อยากตั้งคำถาม และสื่อสารกับผู้ก่อเหตุว่า

“ทุกคนก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ควรมีสิทธิมีเสียงเหมือนกัน แม่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะว่ามันรุนแรงเกินใช่ไหมที่เอะอะก็มายิงกันแบบนี้ แม่ก็อยากให้คนที่ยิงเขารู้ว่า ถ้าเป็นคนในครอบครัวเขา เขาจะคิดยังไง คือเขาจะรู้หรือไม่ว่า คนในครอบครัว พ่อแม่เขาจะเสียใจไหม ถ้าเขาโดนอย่างน้อง”

สมควร ย้อนเล่าถึงตอนที่ทราบข่าวลูกถูกยิงว่า ในใจภาวนาว่าลูกต้องไม่ตาย ระหว่างรอหน้าห้องฉุกเฉิน ได้เพียงแค่มองเห็นลูกผ่านกระจกกั้น ทำได้แค่นั่งสวดมนต์ของคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ขออย่าให้ลูกเป็นอะไรไป ในที่สุดก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อแพทย์เดินมาแจ้งหลังจากผ่าตัดเสร็จว่า ลูกของเธอปลอดภัยแล้ว แต่ปัญหาเดียวที่ยังเหลืออยู่คือ กระสุนที่ฝังอยู่ใกล้กระดูกสันหลัง ยังเอาออกไม่ได้ และลำตัวช่วงล่างไปถึงปลายเท้าของบาส ยังไม่สามารถรับความรู้สึกได้

“เขาบีบมือแม่แน่น ร้องไห้ แม่บาสจะเดินไม่ได้แล้ว” เธอกล่าวทั้งน้ำตา

อย่างไรก็ตาม สมควร ยังเชื่อ และมีความหวังว่าลูกชายคนเล็กจะกลับมาเดินได้ตามปกติ ขณะที่บาสเองก็มีความหวังว่า เขาจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม

“แม่ จะทำทุกทางให้เขากลับมาเหมือนเดิม แม่อยากให้หมอที่เก่งด้านนี้เข้ามาช่วยเขา ยังไงแม่ก็ต้องช่วยให้เขากลับมาเหมือนเดิม ให้แลกกับอะไรแม่ก็จะแลก” เธอกล่าว ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

สมควร เล่าด้วยว่า ในช่วงเวลาที่สับสนหันซ้าย หันขวาไม่เจอใคร อยู่ๆ ก็มีคนมีน้ำใจเดินเข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือ คนแรกคือ หมอทศพร เสรีรักษ์ ที่เข้ามาดูแลประสานกับแพทย์ จัดหาทนายความ และคอยโทรมาให้กำลังใจเธอ อีกคนคือ 'พี่อ้อ' ซึ่งคอยช่วยเหลือเธอทุกเรื่อง รวมทั้งนำสมุดบัญชีของเธอไปโพสต์รับบริจาค สำหรับค่าใช้จ่ายยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล

ท้ายที่สุดสำหรับเรื่องทางคดี พี่ชายของบาส ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี ได้เรียกบุคคลต่างๆ ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุไปให้ข้อมูลแล้ว และมีภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามผ่านมาครึ่งเดือนแล้วยังไม่มีการจับกุมผู้ก่อเหตุ