ไม่พบผลการค้นหา
องค์การเภสัชกรรม เผยจับมือวิสาหกิจชุมนุมผู้ปลูกกัญชา สร้างหลักเกณฑ์และเปิดราคาจัดซื้อช่อดอกคุณภาพสูง

ที่องค์การเภสัชกรรม นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี ประกาศเจตนารมณ์ “ความร่วมมือระหว่างองค์การเภสัชกรรมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา สร้างต้นแบบหลักเกณฑ์ความร่วมมือและจัดซื้อช่อดอกกัญชาแห้งทางการแพทย์” โดยมี นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหาร อภ. และผู้แทนวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมในพิธี

นพ.โสภณ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รัฐบาลสนับสนุนการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี อภ.เป็นหน่วยหนึ่งที่ดำเนินการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การสกัด และการผลิตผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ ปัจจุบันการปลูกกัญชาขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้ปลูกโดยทั่วไป เกษตรกรต้องรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อดำเนินการตามมาตรฐานและถูกกฎหมาย

ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตปลูกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 82 ราย การที่ อภ.และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนได้ร่วมกันสร้างต้นแบบหลักเกณฑ์ความร่วมมือ และจัดซื้อช่อดอกกัญชาแห้งทางการแพทย์ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานด้านกัญชาทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพ ที่เป็นเชิงพาณิชย์และถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งความต้องการจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะมีการผลิตยาแล้วยังมีแผนในการทำอาหารเสริม และเครื่องสำอางด้วย 


จำแนกสารสกัด

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า อภ.ได้กระจายผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทั้ง THC เด่น CBD เด่น และTHC : CBD1 : 1 ให้กับสถานพยาบาลต่างๆ มากกว่า 100 แห่ง ตอนนี้ อภ. มีแผนผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ใช้สาร CBD เป็นวัตถุดิบอีกหลายรายการ จึงต้องแสวงหาแหล่งปลูกกัญชาสายพันธุ์ CBD เด่น เพิ่มจากที่องค์การฯ ปลูกเอง โดยจะร่วมกับวิสาหกิจชุมชนที่มีประสบการณ์ในการปลูกกัญชาที่มีสารสำคัญ CBD เด่น และได้รับการอนุญาตในการปลูกกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้องจาก อย. มีผลการตรวจวิเคราะห์ช่อดอกแห้ง ที่มีปริมาณสาร CBD เด่น สูงตั้งแต่ 8.0% (โดยน้ำหนัก) ขึ้นไป ตามเกณฑ์มาตรฐานที่องค์การฯ กำหนด

ด้าน ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา อภ. กล่าวว่า เบื้องต้นได้คัดเลือกวิสาหกิจชุมชนและได้ทำสัญญาซื้อขายช่อดอกกัญชาแห้งแล้ว 1 แห่ง ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ และมีวิสาหกิจที่ผ่านการประเมินอีก 3 แห่ง ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา จ.ลำปาง วิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักจังฟาร์มวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก, เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป และในอนาคตจะเพิ่มเติมวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการอีกด้วย ดร.ภญ.นันทกาญจน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราต้องการคือกัญชา CBD เด่น ดอกแห้งที่มีชูก้าลีฟ ตากในห้องมืด อุณหภูมิต่ำเพราะสามารถควบคุมความชื้นได้ บรรจุในถุงฟอยล์ ซีลสุญญากาศ 


เกรด A พุ่งสูง

ทั้งนี้ ราคาการรับซื้อช่อดอกแห้งเกรด A ปริมาณสารสำคัญ CBD มากกว่า 12% (โดยน้ำหนัก) กิโลกรัมละ 45,000 บาท เกรด B ปริมาณสารสำคัญ CBD 10–11.9%(โดยน้ำหนัก) กิโลกรัมละ 37,500–43,125 บาท ปริมาณสารสำคัญ CBD 8-9.9% (โดยน้ำหนัก) กิโลกรัมละ 30,000-35,625 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตตามที่องค์การฯ กำหนด สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเสนอเข้าร่วมที่ www.gpo.or.th/กัญชา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ call center โทร 1648 e-mail: information@gpo.or.th

โดย อภ.จะพิจารณาคุณสมบัติและศักยภาพตามรายละเอียดที่ลงทะเบียนไว้ จากนั้นติดต่อวิสาหกิจชุมชนรวบรวมข้อมูลรายละเอียดเพิ่ม ลงพื้นที่เพื่อประเมินแผนการปลูก และพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ขององค์การฯ และขออนุญาตร่วมกันปลูกกัญชาทางการแพทย์ต่อ อย. เมื่อได้รับอนุญาตจาก อย.แล้ว วิสาหกิจชุมชนและองค์การฯ จะร่วมกำหนดปริมาณน้ำหนักช่อดอกแห้งและระยะเวลาที่จะส่งมอบเพื่อจัดทำสัญญาซื้อขายต่อไป

ศศิการ ล้อจิโรภาส ประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้โรงปลูกระบบปิด (Indoor) อย.ได้อนุญาตปลูกร่วมกับทางองค์การฯแล้ว มีความพร้อมทุกด้าน จะทำการปลูกสายพันธุ์ CBD Charlotte's Angel ภายในเดือน มี.คนี้ จำนวน 90 ต้น พื้นที่ 50 ตารางเมตร และคาดว่าจะมีการเก็บเกี่ยวช่อดอกรอบแรกได้ช่วงประมาณเดือน มิ.ย.นี้ ได้จำนวน 18 กิโลกรัม และกำลังขยายพื้นที่ปลูกระบบปิด (Indoor) พื้นที่อีก 360 ตร.ม. ปลูกได้ 840 ต้นต่อรอบปลูก เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบการผลิตขององค์การฯ ต่อไป

ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกร แห่งชาติ กล่าวว่า เชื่อว่าที่ อภ.ทำอยู่ เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย และเชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น โครงการนี้ จะเปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง เกษตรกรมีแข่งขัน และพัฒนาคุณภาพของกัญชาที่ปลูก และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาด้วย ชื่อปีหน้าจะเกิดแรงกระเพื่อมใหญ่มาก