วันที่ 5 เม.ย. 2564 ที่โรงแรมรามา การ์เดนส์ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม เป็นประธานในการมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ภายใต้กรอบแนวคิด “ท้องถิ่นไทย รวมไทย สร้างชาติ”

โดยนายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับนายก อบจ. ทุกคนที่ได้รับเลือกตั้งมา และขอให้ทำงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้ กับประชาชน และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ระมัดระวังในเรื่องสุขภาพ ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงที่เกิดพายุฤดูร้อนทั่วประเทศ พร้อมกล่าวถึงการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือกลไกสำคัญในการช่วยแก้ปัญหา โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ โควิด-19 รัฐบาลได้ดำเนินการผ่าน ศบค. และภูมิภาค จนทำให้ประเทศไทยได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศถึงการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นประเทศต้นๆของโลกและแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ

ทั้งนี้ยังจะต้องช่วยกันเดินหน้าทำงานต่อไป และความรักความสามัคคีของทุกภาคส่วนความเสียสละการดูแลประชาชนนั่นคือถือเป็นคนไทยไม่ใช่เพียงทำตามหน้าที่ ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ดูเพื่อนบ้าน อาเซียน ถ้าเริ่มต้นไม่ได้ไปไม่ได้ทั้งหมด โดยการจัดทำนโยบายต้องให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกับประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ วัยแรงงานลดลง จะแก้ปัญหาและจัดทำงบประมาณอย่างไรไม่ให้เป็นภาระซึ่งกันและกัน ทำให้คนในสังคม ดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ มีความรู้คู่คุณธรรม ยืนยันตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ไม่เคยเข้าไปก้าวล่วงการทำงาน ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ

ซัดคนไม่มีจิตสำนึกต้นต้อระบาดโควิด-19

ส่วนสถานการณ์ โควิด-19 แม้ว่าได้ดีแต่จะต้องทำกว่านี้ ทั้งนี้จะต้องยอมรับว่าการระบาดที่เกิดขึ้น เกิดจากคนไม่มีจิตสำนึก ขณะที่หลายคนยังกล่าวโทษทำลายขวัญและกำลังใจในการทำงานของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ที่ได้ทำงานดูแลประชาชน แต่นายกรัฐมนตรีไม่โทษใคร โทษตัวเองพร้อมกับย้ำว่าสถานการณ์โควิด-19 หากล้มแล้วจะต้องลุกให้ไว รวมถึงจะเตรียมความพร้อม บอกตนไม่ได้เก่งกวทาใคร แต่ต้องขวนขวาย ไม่ใช่ทำงานไปวันๆ พร้อมย้ำ วันนี้ล้มจากโควิดต้องลุกให้ไว สร้างการบริหารอย่างยั่งยืน 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการขยายความขัดแย้งของบางคน อย่าให้ตนต้องพูดมาก ชักศึกเข้าบ้านถึงเวลาก็ไม่รู้ ไม่รับผิดชอบ บอกเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของรัฐบาล เรื่องเหล่านี้ไม่ถูก บางคนเขียนบอกตนยึดอำนาจ 20 ปี จะบ้าหรือ ตอนนี้ตนก็อายุ 60 กว่าแล้ว ยืนยันตนไม่ได้ปิดกั้นหรือหวงงบประมาณ เพราะงบประมาณไม่ใช่ของตน การขัดแย้งแบ่งแยกคนรวยคนจนเสียภาษีหรือไม่เสียภาษี ทุกคนก็รู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้ต้องไปดูรายละเอียดว่าใช่หรือไม่ ตนไม่อยากจะพูดพูดไปก็เอาไปนำเสนอเป็นเรื่องเป็นราวแม้จะเป็นเรื่องการทำงานปกติก็เอาไปพูดให้เสียหาย ตนไม่เข้าใจคนละนี้จริงๆ

รายงานข่าวแจ้งว่า สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ไม่ได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกำหนดการกล่าวมอบนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจสำคัญ

มท.1 ชม อปท.สกัดโควิด ปลุกปกป้องสถาบัน

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชื่นชมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทในการควบคุมสถานการณ์ โควิด-19 กัดกั้นไม่ให้โรคระบาดเข้ามาหรือแม้กระทั่งมีส่วนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งการที่สาธารณสุขประเทศไทยสามารถรองรับสถานการณ์ การแพทยระบาด โควิด-19 ได้ดีขนาดนี้ ส่วนนึงมาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือกัน

พร้อมกันนี้ ยังขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูกลไกการทำงานของรัฐบาลปัจจุบันเป็นสำคัญ เช่น การวางยุทธศาสตร์ชาติที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเดินหน้าประเทศโดยไม่กำหนดยุทธศาสตร์ถือเป็นความเสี่ยง ซึ่งแผนยุทธศาสตร์จะเชื่อมโยงการทำงานในทุกภาคส่วน กระจายลงไปยังท้องถิ่น โดยผู้บริหารท้องถิ่นต้องเป็นผู้เขียนแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาท้องถิ่นบนพื้นฐานของแต่ละพื้นที่ แต่ต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้อีกหนึ่งหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือการปกป้องและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ใครจะยอมรับหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่ตนประเมินจากการที่เติบโตมาตั้งแต่เกษียณคนไทยส่วนใหญ่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจให้เห็นถึงความเป็นชาติ การที่มีใครไปจาบจ้วงสถาบัน ส่วนตัวยืนยันว่าทำไม่ได้ ฉะนั้นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ การปกป้องและเทิดทูนสถาบันจึงขอให้ช่วยกัน อย่าไปคิดประเด็นอื่นไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้

'สุพัฒนพงษ์' มอบนโยบายหลังยันผลตรวจไม่พบโควิด

อย่างไรก็ตามในงานนี้ สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาวร์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานได้เดินทางมามอบนโยบายด้านเศรษฐกิจ แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วย ท่ามกล่างกระแสข่าว ว่าสุพัฒนพงษ์เดินทางไปยังสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ที่พบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการโพสต์โพสต์ภาพเอกสารการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ในเฟสบุ๊กส่วนตัว ว่าไม่พบเชื้อโควิด-19

นายกฯ สวนสื่อให้ฟังข่าวลือหรือข่าวจริง ปมกระแส รมต.เที่ยวทองหล่อ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อโควิค-19 ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ว่า อ้าว เป็นข่าวลือหรอ เขาชี้แจงแล้วนี่

ส่วนจะต้องมีการชี้แจง จะเป็นการชี้แจงว่าไปหรือไม่ไปหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า "แล้วจะให้ตนทำอย่างไร ข้อเท็จจริงผมก็ไม่ได้ไปกับเขา แล้วผมจะฟังใคร จะฟังข่าวลือ หรือจะฟังข่าวจริง ซึ่งทุกคนก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด หากเขาเป็นโควิด-19 ก็รักษากันไป ถ้าเรามองเหมือนกับคนทั่วไป ถ้าเขาทำจริงก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ผมก็ได้เตือนไปเท่านี้"

นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบว่าจะมีการกำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่

ส่วนจะมีการพิจารณาปิดผับ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาดของเชื้ออยู่ขณะนี้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่

นายกฯ วอนอย่าสนใจเรื่องไม่มีความสุข ขาดสามัคคีหมดสิ้นความเป็นไทย

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย จุติ ไกรฤกษ์รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดโครงการบ้านเคหะสุขประชา ฉลองกรุง - ร่มเกล้า ซึ่งเป็นโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย พร้อมมอบสิทธิ์เช่าบ้านในโครงการให้กับกลุ่มเปราะบางที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จำนวน 14 หน่วย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้ตนได้ทำสิ่งที่ตนมีความสุข 2 อย่างคือพบปะกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายกฯอบจ.คนใหม่ เพื่อมอบนโยบายของรัฐบาล เป็นรวมใจไทยทั้งชาติ มอบหมายภารกิจในเรื่องการทำงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งต้องสอดคล้องกับสถานการณ์โลกในยุคใหม่ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งทุกคนทราบดีว่า มีปัญหามากมาย ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิตสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างให้มีผลสำเร็จก้าวหน้าไปตามระยะเวลาที่กำหนดโดยเร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า โครงการบ้านเคหะสุขประชา เป็นโครงการช่วยเหลือประชาชนรากหญ้าที่ได้กำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ออกมาชัดเจนว่า คนไทยทุกคนต้องมีบ้านที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นบ้านแห่งความรัก ความอบอุ่น เป็นบ้านแห่งความสุข ตนเห็นรอยยิ้มของทุกคนก็ดีใจ 

นายกรัฐมนตรี ยังขอประชาชนด้วยว่า เรื่องอะไรไม่มีความสุขก็อย่าไปสนใจมาก เพราะเรื่องของคนอื่น แต่สนใจว่าจะทำอย่างไรให้เรามีความสุขและรับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่รัฐบาลทำให้ ตนไม่ต้องการดูถูกใครทั้งสิ้น แต่ตนทำตามหน้าที่ของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี บ้านคือปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดทุกอย่างเริ่มขึ้นจากบ้านจากครอบครัว เพราะฉะนั้นสังคมของคนไทยเป็นสังคมครอบครัวที่มีความอบอุ่นมีความรัก มีความสามัคคี มีความเคารพนับถือ กตัญญูรู้คุณ ไม่มีใครทำอะไรตรงนี้ได้ หากขาดตรงนี้ไปประเทศไทยก็จะหมดสิ้นความเป็นประเทศไทยทันที

บ่นหลายเรื่องวุ่นวาย ปัดยุทธศาสตร์ทำให้ตนอยู่ในอำนาจไปจนตาย

สิ่งเหล่านี้คืออัตลักษณ์ของประเทศไทย สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นก็เยอะ แต่สิ่งไม่ดีก็ตามมา คือมีทั้งวิกฤตและโอกาสได้ทุกเรื่อง วันนี้ก็มีหลายเรื่องที่วุ่นวายโดยใช่เหตุ ขณะที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเรื่องโควิด-19 ผู้มีรายได้น้อยความยากจนเศรษฐกิจแย่ไปหมด ยืนยันตนไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะทำให้ประเทศไทยมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนได้อย่างไร ภายในระยะเวลา 5 ปีทุกอย่างต้องทำต่อนี่คือยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในทรัพย์สิน หากว่ายังพบว่าไม่พออยู่ก็ต้องดำเนินการต่อไป นี่คือยุทธศาสตร์ชาติหากไม่มีตรงนี้ก็ทำต่อไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ายุทธศาสตร์ชาติจะทำให้ตนอยู่หรือของอำนาจไปจนตาย ตนจะครองไปทำไม 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่เข้ามา ตนไม่เลือกใครทั้งสิ้น ทุกคนได้รับการเลือกมาจากประชาชนและตัวเลขสัญญาว่าจะต้องทำให้ประชาชนได้มากที่สุดและจะดูแลประเทศไทยด้วยการลดความขัดแย้ง มีเสถียรภาพ และทำทุกอย่าง คิดนอกกรอบได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทำด้วยวิธีการที่เหมาะสมว่าทำอย่างไรจะสะดวกขึ้นประชาชนต้องไม่เดือดร้อน สิ่งเหล่านี้ต้องร่วมมือกันคิดทั้งหมด และต้องหาวิธีปฏิบัติ แล้วไปดูกฎหมายว่าติดตรงไหนไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ 

ปลุกเสาหลักประเทศคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จะทำให้คนไทยทุกคนในประเทศมีบ้านตลอดระยะเวลาที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ และจะส่งต่อรัฐบาลต่อไปหากประชาชนยังไม่มีบ้านอยู่ ทุกอย่างต้องสร้างมาจากบ้านและครอบครัวไปสู่ชุมชนไปสู่สังคม และเป็นประเทศชาติ

"เราคือประเทศไทยใช่หรือไม่ คือคนไทยใช่หรือไม่ เราหากินที่นี่ใช่หรือไม่ เราจะต้องไม่ให้ใครมาทำลายประเทศของเราไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เรามีเสาหลักของประเทศคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสงบเรียบร้อยจนไม่อาจบังคับใครได้ทุกคน ทุกอย่างต้องช่วยกันดูแล"

โดยนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ตนต้องการแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยเร็วที่สุด นายกรัฐมนตรีทำคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันโดยไม่แบ่งแยก ขัดแย้ง หรือสร้างความวุ่นวาย ก็จะสามารถทำได้ทั้งหมด ต้นต่อการแก้ไขปัญหาล่าช้าคือความขัดแย้ง ซึ่งจะต้องไม่เกิดขึ้นรัฐบาล จะได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องสุจริตโปร่งใส ทำงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล ไม่ว่าจะรัฐบาล นายกฯ หรือใคร ทุกคนคือคนไทย เป็นครอบครัวประเทศไทย ไม่มีใครจะทำให้คนไทยรอดได้ นอกจากคนไทยด้วยกัน ปัญหาทุกปัญหาตนจะพยายามแก้ไขปัญหาให้สามารถเดินหน้าไปได้ จนกว่าจะหมดหน้าที่ของตนและส่งต่อไปนี่คือรุ่นสู่รุ่น ในการทำงาน 

บอกสื่อตนเองมีความสุข อย่าทำลายความสุข

ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวแซวประชาชนที่มารอต้อนรับว่า ว่าอะไรที่เสี่ยงโชคก็เบาๆกันหน่อยอย่าไปดูเลขรถตนเก็บเงินไว้ซื้อขนมให้ลูกหลานกินดีกว่า เข้าใจว่าเป็นคนไทย ถูกกฎหมายก็ว่ากันไป และไม่มีตัวเลขนายกรัฐมนตรี พร้อมกับยังระบุอีกว่า ตนไม่เคยโกรธใคร แต่อาจจะดูดุเดือดบ้าง เพียงแต่ต้องการให้งานเดินไปข้างหน้า

โดยการเคหะแห่งชาติได้เสนอโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยมีเป้าหมายจัดสร้าง 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2564 - 2568 มีกำหนดส่งมอบปีละประมาณ 20,000 หน่วย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มเปราะบาง ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณอายุ ซึ่งโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้าจำนวน 272 หน่วยและโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุงจำนวน 302 หน่วย โดยมีอัตราค่าเช่าเริ่มต้นตั้งแต่ 1,500 - 3,000 บาทต่อเดือน

ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "สวัสดีวันปีใหม่ไทย ความสุข อย่าทำลายความสุขฉันวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วันนี้กำลังมีความสุข"