ไม่พบผลการค้นหา
เอกสารระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือไทยผ่านแค่การบริจาควัคซีนเท่านั้น แต่ยื่นมือเข้ามาสนับสนุนรัฐบาลเป็นเงินรวมกว่าพันล้านบาทแล้ว

สถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานกงสุลในประเทศไทย ออกแถลงข้อเท็จจริงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือวิกฤตโรคระบาดโควิด-19

สำหรับรายละเอียดกรณีการบริจาควัคซีนนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศกรอบความร่วมมือเพื่อแบ่งปันวัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสทั่วโลกภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้

แผนการส่งมอบวัคซีน 25 ล้านโดสแรก จะมีวัคซีนจำนวน 7 ล้านโดสที่มอบให้กับประเทศต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 124,400 ล้านบาท) ที่สหรัฐฯ ได้ประกาศว่าจะมอบให้กับโครงการ COVAX


เม็ดเงินช่วยเหลือกว่าพันล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบความช่วยเหลือให้ไทยเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 รวมมูลค่า 30 ล้านดอลลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 933 ล้านบาท)

ในจำนวนนี้เป็นการบริจาคเครื่องช่วยหายใจ, หน้ากากอนามัย, แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันรวมมูลค่า 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 544 ล้านบาท) ให้กับแพทย์และพยาบาลไทย รวมทั้งความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายตามแนวชายแดน

ขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐฯ (U.S. CDC) ได้มอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมมูลค่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 404 ล้านบาท) เช่นเดียวกัน โดยทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุขของไทย


ความช่วยเหลือที่ผ่านมา
  • การตรวจหาการติดเชื้อ: องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ตลอดจน U.S. CDC และกองทัพสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการเสริมสร้างศักยภาพการตรวจวินิจฉัย โดย USAID ช่วยไทยยืนยันผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกที่เดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อเดือน ม.ค. 2563
  • การเฝ้าระวังชายแดน: U.S. CDC พัฒนาศักยภาพโครงการเฝ้าระวังในค่ายอพยพ 9 แห่งตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในตัวอย่างส่งตรวจไปแล้วกว่า 1,500 ตัวอย่าง และตรวจพบการระบาด 3 แห่ง ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในค่ายตระหนักถึงสถานการณ์การระบาดได้โดยเร็วและป้องกันการแพร่กระจายของโรคในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง
  • การรักษา: USAID สนับสนุนการให้คำปรึกษาทางออนไลน์และมอบเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดเพื่อช่วยให้กลุ่มประชากรหลักที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น โดยรวมไปถึงกลุ่มผู้อพยพ
  • การพัฒนาวัคซีนและยา: นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารของสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับภาคีชาวไทยศึกษาวิจัยวัคซีนในประเทศเพื่อเร่งรัดความพยายามในการปกป้องคนไทยในอนาคต
  • การบริจาคชุด PPE: รัฐบาลสหรัฐฯ ได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันรวมมูลค่า 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 544 ล้านบาท) ให้กับแพทย์และพยาบาลไทย รวมทั้งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายตามแนวชายแดน
  • โครงการให้ความรู้กับผู้อพยพ: U.S. CDC และ USAID ดำเนินกิจกรรมกับชุมชนผู้อพยพ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาความสะอาดเพื่อยุติหรือลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 แก่ผู้อพยพและประชากรกลุ่มเปราะบางจำนวนกว่า 117,601 คน
  • การช่วยเหลือผู้กักตัว: USAID ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ต้องกักตัวอยู่ใน 69 จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยได้รับการแจกจ่ายชุดยังชีพ 188,203 ชุด พร้อมทั้งน้ำดื่ม มูลค่าเกือบ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 124 ล้านบาท
  • การวิจัย: ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐฯ ในประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยศึกษาวิจัยโครงการการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อประเมินความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตนในการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรหลัก