ผู้เชียวชาญด้านเคมีเผย 8 ศพจากกรณีระบบไพโรเจน ทำงานที่ชั้นใต้ดินของ SCB Park เป็นการเสียชีวิตแบบได้รับสารเคมีที่ไม่ใช่อ๊อกซิเจน
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า การตายจากขาดอากาศ (Asphyxia) ของผู้เสียชีวิตกรณีระบบไพโรเจน (Pyrogen) ทำงานที่ชั้นใต้ดิน SCB นั้นเป็นลักษณะ การตายแบบได้รับสารเคมีที่ไม่ใช่อ๊อกซิเจน (chemical asphyxia) และผลชันสูตรศพพบว่า เนื้อเป็นสีชมพู ซึ่งเป็นลักษณะการตายที่ได้รับสารกลุ่มคาร์บอเนต ในที่นี้รวมถึงคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (Carbondioxide) และคาร์บอนโมน๊อกไซด์(carbon monoxide CO) ..หรือพูดง่ายๆ คือเมื่อไพโรเจนทำงาน ให้จินตนาการถึงการเกิดควันขาวๆ จากระเบิดก๊าซน้ำตา.คือจุดระเบิด แตกตุ๊ปและมีควันพุ่งออกมาฉับพลัน....หลักคล้ายๆ กันแต่ไพโรเจน จะจุดระเบิดจากเซ็นเซอร์ตรวจจับควันและความร้อนสั่งงานให้กระปุกไพโรเจนจุดระเบิดภายในเพื่อเผาไหม้ก้อนเคมี (chemical coolant)ในกระปุกของมันจนกลายเป็นควัน ละออง พุ่งออกมา ที่เราเรียกติดปากว่า อาโรซอล (aerosol) ซึ่งจะมีสารหลักๆกลุ่ม potassium carbonates (KHCO3, K2CO3), และคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (Carbondioxide) และคาร์บอนโมน๊อกไซด์(carbon monoxide CO) ออกมาด้วย ขึ้นกับก้อนเคมีที่ใส่เข้าไป ... พวกนี้ทำให้ไฟดับฉับพลัน และผู้เสียชีวิตก็สูดเอาสารพวกนี้เข้าไป โดยที่ไม่มีอ๊อกซิเจน หรือมีน้อยมากๆ ก็ขาดอากาศหายใจแบบ ตายแบบได้รับสารเคมีที่ไม่ใช่อ๊อกซิเจน (chemical asphyxia)
กรณี กลุ่มสารเคมีที่ไม่ใช่อ๊อกซิเจนรวมถึงคาร์บอนโมน๊อกไซด์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายมันจะจับกับฮีโมโกลบินแทนออกซิเจนถึงมีผลโดยตรงกับไมโตคอนเดรียภายในเซลล์ ทำให้เซลล์เหล่านั้นไม่สามารถใช้ออกซิเจนได้ สภาพศพ จะพบว่าลิวิดิตี้ของศพที่ตายนั้นมีสีแดงสดกว่าปกติ
การตายจากขาดอากาศ (Asphyxia) ของผู้เสียชีวิตกรณีระบบไพโรเจน (Pyrogen) ทำงานที่ชั้นใต้ดิน SCB นั้นเป็นลักษณะ การตายแบบได้...
โพสต์โดย Weerachai Phutdhawong บน 18 มีนาคม 2016