การประชุมผู้นำเมืองเอเชีย-ยุโรป เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจาก กรุงเทพมหานคร ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอย่างยิ่งใหญ่ การประชุมครั้งนี้ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังได้รับเกียรติให้นำเสนอโครงการป้องกันอุทกภัยของกรุงเทพฯ ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนเองยกให้เมืองรอตเตอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เนื่องจาก รอตเตอร์ดาม ไม่เพียงวางระบบเผื่อป้องกันน้ำท่วมในระยะสั้นเท่านั้น แต่มองไกลกว่า 100 ปี
รอตเตอร์ดาม เป็นเมืองที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เมื่อปี 2469 เคยประสบเหตุน้ำทะเลยกตัวสูงเกือบ 5 เมตรซัดเข้าฝั่ง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตนับพันคน เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บริหารเมืองและชาวเนเธอร์แลนด์ตระหนักว่า เมืองจำเป็นต้องมีวิธีการป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว (ที่ไม่ใช่วิธีการอพยพขึ้นที่สูง) และระบบการระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และรูปแบบของฝนที่เปลี่ยนแปลงไป จากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
หลังผ่านวิกฤตไปได้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ หรือ Delta Commission ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบและจัดทำแผนป้องกันน้ำอย่างยั่งยืน เช่น โครงการ Delta Works ที่มีการก่อสร้าง เขื่อน, คันดิน และพนังกั้นน้ำกว่า 16 จุด ตลอดแนวฝั่งตะวันตกของประเทศ และแม้เวลาผ่านมาแล้วกว่า 50 ปี แต่โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีการรับประกันด้วยว่า สิ่งก่อสร้างป้องกันน้ำท่วมเหล่านี้จะป้องกันน้ำท่วมเมืองได้นับ 10,000 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารเมืองรอตเตอร์ดาม ยอมรับว่า เฉพาะเขื่อนกั้นน้ำกับพนังกั้นน้ำอาจไม่สามารถรองรับสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะในสภาวะโลกร้อน ที่พบว่า ฝนตกในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงมีแนวคิดป้องกันน้ำท่วม ด้วยการเนรมิตให้รอตเตอร์ดามกลายเป็น "เมืองฟองน้ำ" โดยการสร้างพื้นที่รับน้ำ หรือ แก้มลิง กระจายตามพื้นที่ต่างๆทั่วเมือง เช่น พื้นที่จอดรถใต้ดิน, สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิก 4 แห่ง, หรือ อาคารลอยน้ำ คล้ายบ้านเรือนแพ แต่เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบอย่างงดงาม นอกจากนี้ ยังรวมถึง พื้นที่สาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะบนหลังคาและดาดฟ้า ที่ปกคลุมด้วยพืชดูดซึมน้ำฝน
ตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจ คือ Water Plaza Benthemplein จัตุรัสสาธารณะสำหรับรับน้ำฝนแห่งแรกของโลก ในยามปกติพื้นที่แห่งนี้จะเป็นสนามกีฬาหลากหลายประเภท เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล สเก็ต หรือเป็นโรงละครกลางแจ้ง แต่ความพิเศษคือสนามเหล่านี้ถูกสร้างต่ำกว่าที่ราบปกติ แล้วรายล้อมด้วยอัฒจันทร์เป็นขั้นบันได กลายเป็นอ่างรับน้ำ พร้อมกับวางท่อระบายน้ำที่เชื่อมกับหลังคาด้วย
ในกรณีที่ฝนตกหนักมาก เกินกว่าที่ระบบระบายน้ำทำงานได้ทัน (เช่นที่ประสบบ่อยครั้งในกรุงเทพฯ) จัตุรัสแห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่รับน้ำขนาดใหญ่ ที่สามารถรับน้ำได้สูงสุดถึง 1,700,000 ลิตร ก่อนที่น้ำจะค่อยๆระบายไปที่คลอง และระบบระบายน้ำ โดยขังบนถนนและเส้นทางสัญจร
แนวคิด เมืองฟองน้ำ ไม่ได้มีประโยชน์ในช่วงที่มีฝนตกหนัก หรือ พายุฝนฟ้าคะนองกระจาย เท่านั้น แต่สาระที่ซ่อนในนวัตกรรมรับมือน้ำท่วมเหล่านี้ คือ ประชาชนจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่กับน้ำ เพื่อที่จะเตรียมตัวรับมือได้ถูกวิธี และไม่ตื่นกลัว