วันที่ 31 ก.ค. 2565 ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นจัดกิจกรรมกระชับมิตร วงดุริยางค์ กรุงเทพ-โคราช ว่า กทม.ต้องขอขอบคุณ วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และพี่น้องชาวโคราช ที่มาอย่างอบอุ่นและพร้อมเพรียงมาก เป็นวันที่เชื่อว่าทุกคนมีความสุขที่ได้เห็นน้องๆเด็กนักเรียนได้แสดงความสามารถ มีพื้นที่ให้แสดงออก ทุกคนมาด้วยความสุข มีความสามัคคีกัน โดยมีดนตรีเป็นจุดร่วม น้องๆ ทุกคนเก่งมาก กองเชียร์ก็สุดยอด ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมโคราช
ด้าน วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเช่นกัน ที่ให้โอกาสน้องๆ จากต่างจังหวัด ได้มาแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถให้แก่คนกทม. และทั่วประเทศได้ชม คิดว่าผู้ชมคงมีความสุข ความประทับใจจากกิจกรรมในครั้งนี้ และในโอกาสต่อไปจะเชิญ ชัชชาติ และคณะ ไปเยือนโคราช
การประชันวงดุริยางค์กระชับมิตรระหว่าง กรุงเทพฯ - โคราชในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการชักชวนของผู้ว่าฯ ทั้งสองเมืองในงานสวนสนามลูกเสือแห่งชาติมาเดือนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเมือง กทม. และเมืองโคราช ซึ่งการประชันในครั้งนี้ไม่ได้เน้นการตัดสินที่แพ้ -ชนะ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนการแสดงระหว่างเด็กนักเรียนจากกรุงเทพมหานครและนักเรียนตัวแทนจังหวัดนครราชสีมา เป็นการเปิดเวทีสร้างสรรค์ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถ อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประชาชนทั้งสองเมือง ซึ่งในครั้งแรกกรุงเทพมหานครรับเป็นเจ้าภาพในฐานะทีมเหย้า ครั้งต่อไปจะเป็นการนำทีม กทม.ไปเยือนที่จังหวัดนครราชสีมา
สำหรับวงดุริยางค์ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนในการประชันความสามารถครั้งนี้ทั้ง 4 วง เป็นวงดุริยางค์ที่มีความสามารถ มีประสบการณ์การแข่งขันทั้งในเวทีระดับประเทศและระดับโลก ประกอบด้วย โรงเรียนวัดสุทธิวราราม และโรงเรียนวชิรธรรมสาธิต จากกรุงเทพมหานคร โรงเรียนสุรนารีวิทยา และโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จากจังหวัดนครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแสดงการประชันวงดุริยางค์กระชับมิตรในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งทันทีที่กรุงเทพมหานครเปิดให้จองบัตรผ่านออนไลน์ ได้มีผู้เข้ามาจองบัตรเต็ม 1,500 ใบ ภายใน 26 นาที ผู้เข้ามาในสนามทุกคน ให้ความร่วมมือแสดงผลการตรวจ ATK ภายใน 48 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ไม่ได้ตรวจมาล่วงหน้าทางกรุงเทพมหานครได้จัดบริการตรวจให้ฟรีที่หน้างาน
บรรยากาศในสนามประชันดุริยางค์กระชับมิตรเต็มไปด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน ผู้เข้าชมต่างฮือฮาชื่นชมการแสดงของแต่ละวงที่แสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ โดยประชาชนสามารถรับชม live ย้อนหลังได้ทางเพจ “กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์”
สำหรับการประชันวงดุริยางค์การแสดงทั้งหมด 4 โรงเรียนนั้น ในระหว่างการแสดง กรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าภาพจัดงาน ยังนักวิชาการ คือ ดร.นิพัทธ์ กาญจนะหุต คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ผศ.เผ่าพันธ์ อำนาจธรรม คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวงดุริยางค์มาร่วมเป็นคอมเมนเตเตอร์ แสดงความเห็น แนะนำการแสดงของนักดนตรีทั้ง 4 โรงเรียนด้วย
สำหรับการแสดงเริ่มต้นในเวลา 14.30 น. วงดุริยางค์วงแรกที่ทำการแสดง คือโรงเรียนวัดสุทธิวราราม หนึ่งในบทเพลงที่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามนำมาบรรเลง คือบทเพลง "กรุงเทพมหานคร" ของศิลปิน อัสนี-วสันต์ โชติกุล ทำให้ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมในงานเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นวงโรงเรียนวัดสุทธิวรารามยได้บรรเลงเพลงมหาชัยและเพลงมาร์ชสุทธิวราราม โดยมีการอัญเชิญคฑาครุฑพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2511 ซึ่งโรงเรียนวัดสุทธิเป็นโรงเรียนแรกและโรงเรียนเดียวที่ได้รับ
ส่วนวงที่ 2 โรงเรียนสุรนารีวิทยา (โคราช) เป็นโรงเรียนหญิงล้วน บรรเลงเพลงได้อย่างไพเราะ ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง และพลาดไม่ได้กับการนำบทเพลง "กราบเท้าย่าโม" ของศิลปิน สุนารี ราชสีมา มาร่วมทำการแสดงเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นจังหวัดนครราชสีมา
วงที่ 3 เป็นการแสดงจากวงดุริยางค์โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต ร่วมกับวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย เน้นการบรรเลงโหมโรงทั้งหมด บทเพลงที่ใช้จะมีความคึกคักและอ่อนหวานในตัว แต่จะไม่เน้นความยาวมากเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้ชมรู้สึกเสียอรรถรส และสุดท้ายจบด้วยเพลงจังหวะชีวิตลิขิตฝัน
ส่วนวงสุดท้ายวงที่ 4 เป็นวงดุริยางค์จากโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย (โคราช) วงนี้จะเป็นการบรรเลงลักษณะวงมาร์ชชิงแบนด์ หรือวงดุริยางค์เครื่องเป่าประเภทเดินบรรเลง ที่สร้างสีสันและความสนุกสนานได้เป็นอย่างดี ระหว่างการแสดงก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี และหนึ่งบทเพลงที่วงดุริยางค์จากโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย นำมาบรรเลงเพื่อให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมร้องไปด้วยกันคือบทเพลง "ศรัทธา" ของศิลปิน หิน เหล็ก ไฟ
และจบท้ายด้วยเพลงลูกทุ่งในจังหวะสามช่า ที่เชิญชวนผู้ว่าฯ กทม.และผู้ว่าฯนครราชสีมา รวมทั้งผู้ชมในสเตเดียม ลงไปร่วมเต้นรำในสเตเดียมกันอย่างสนุกสนาน เรียกสีสันภายในงานได้เป็นอย่างดี