ไม่พบผลการค้นหา
ปอยฝ้าย มาลัยพร ครวญโควิดเล่นงานอ่วม ประกาศขายที่ดิน หาเงินไปใช้หนี้ทั้งที่สร้างเอง และที่ไม่ได้ก่อ ฝากรัฐหาวิธีช่วยเหลือศิลปินตกงานเป็นเบือ

วันที่ 21 พ.ค. ปอยฝ้าย มาลัยพร ศิลปินลูกทุ่งหมอลำ สังกัดค่าย 'ท็อปไลน์ มิวสิค' ที่มีเพลงฮิต ตลกอกหัก, มันต้องถอน เปิดเผยกับทีมข่าว ‘วอยซ์ออนไลน์’ ว่า สถานการณ์การแพร่ะระบาดของโควิด-19 ทำให้คอนเสิร์ตและการแสดงดนตรีต่างๆ ถูกยกเลิก และชะลอการจัดออกไป ทำให้ขาดรายได้ สภาพเศรษฐกิจในครัวเรือนย่ำแย่อย่างหนัก ไม่มีเงินจ่ายหนี้สินที่ติดค้าง ทั้งค่าบ้านย่านมีนบุรี ซึ่งยังเหลืออยู่ 7 ล้านบาท และหนี้ที่ตนไม่ได้เป็นคนก่ออีกประมาณ 5 ล้านบาท เกิดจากมีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมาขอยืมโฉนดที่ดินของตนที่ จ.อุดรธานี จำนวนสองแปลงไปจำนอง นำเงินมาสร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจบันเทิง แต่ผู้ใหญ่คนดังกล่าวค้างชำระหนี้ ตนจำใจใช้หนี้ เพราะเกรงว่าจะเสียที่ดินทั้งสองแปลงไป อีกทั้งตอนที่มอบโฉนดให้กับผู้ใหญ่ที่มาขอความช่วยเหลือ ไม่มีการเซ็นสัญญากันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่อยากมีปัญหาฟ้องร้องกับผู้มีพระคุณ

ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจประกาศขายที่ดินจำนวน 60 ไร่ หน้า ม.ราชภัฎอุดรธานี ต.บ้านสามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ทั้งแบบแบ่งขาย และยกแปลง เพื่อนำเงินมาใช้ชำระหนี้ผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือปิดหนี้ก้อนโตทั้งหมด เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยุติเมื่อใด และไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน ศิลปินถึงจะได้ไฟเขียวให้กลับมาทำงานหาเงินได้จากอาชีพหลัก ใครที่สนใจสามารถติดต่อ ขอเบอร์โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องราคาที่ดินทั้งแบบแบ่งขาย หรือยกแปลง ได้ทางอินบอกซ์ เฟซบุ๊ก ปอยฝ้าย มาลัยพร 

ปอยฝ้าย มาลัยพร 1.jpg

“บ้านส่งไปก็ไม่ค่อยลดลงเลย ส่งห้าหมื่นกว่าบาทต่อเดือน ถ้ามีคนถามว่าทำไมตัดสินใจซื้อบ้านราคาหลายล้าน ขอบอกแบบนี้ว่าใครๆ ก็อย่างมีบ้านที่ดีที่มั่นคง ตอนที่ตัดสินใจซื้อ เศรษฐกิจดี ค่าตัว 40,000-50,000 บาท ต่องาน มีงานคอนเสิร์ต 20 งานต่อเดือน มีสภาพคล่องส่งได้สบายๆ มั่นใจว่าส่งไหว ตอนนั้นเศรษฐกิจดี ราคายางพาราดี จนผมลังเลด้วยซ้ำว่าจะซื้อบ้านหรือไปซื้อสวนยางฯ จนมาช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวงานคอนเสิร์ตลดลงเหลือ 10 งานต่อเดือน ก็พอได้อยู่ หลังๆ มางาน 5 งานยังยาก มีรายได้แต่ก็มีรายจ่ายหายใจไม่ทั่วท้อง จนมาเจอวิกฤตนี้มันหนัก คือ 2 เด้งเลย ไม่มีงานไม่มีรายได้เข้าเลย เงินเก็บใช้ทุกวันไม่มีเข้าก็หมดเป็น มีงานละครเข้ามา 3 เรื่อง แต่กว่าจะได้เงินต้องรอละครออนแอร์ คิดว่างานจ้างมหรสพยังไม่มีแน่นอนในระยะ 5 เดือนข้างหน้า คิดว่ามันไม่ฟื้นง่ายๆ ปรับตัวทำอย่างอื่นก็ได้เงินมาแค่เอาตัวรอดไปวันๆ ปลูกผักในบ้านกินเอง แต่ว่าหนี้ที่มีไม่ลดมีแต่ดอกเพิ่ม ระอุขึ้นมาเรื่อยๆ อยากขายที่แบ่งก็ได้ หรือมีนายทุนมาเหมาหมดยิ่งดี ใจอยากขายมาก เพื่อให้มีเงินไปเอาที่ดินที่เขาขอยืมโฉนดไปจำนองออกมา และมาโปะหนี้บ้านมากน้อยยังไงก็ขอให้ลดลงบ้าง หรือปิดหมดเลยได้ก็ยิ่งดี” 

ศิลปินลูกทุ่งหมอลำ สร้างชื่อมาจากการเป็นศิลปินตลก วง ‘เสียงอิสาน’ ของ ‘แม่นก-นกน้อย อุไรพร’ บอกอีกว่า ส่วนตัวเข้าใจว่าการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในฐานะที่เป็นศิลปินได้รับผลกระทบจากการงดดำเนินกิจกรรมที่มีคนหมู่มาก อยากฝากไปยังรัฐบาลให้หาวิธีช่วยเหลือศิลปิน นักร้อง นักดนตรี ที่จมอยู่ในสภาพตกงานจำนวนมากด้วย

คือก็เข้าใจว่าเขาอยากให้โรคนี้มันหายไป แต่ก็มีปัญหาเรื่องปากท้อง เหมือนเรื่องเงินเยียวยา 5,000 บาท ตอนแรกศิลปินไม่มีสิทธิ์ แต่เห็นว่าหลังจากนี้ศิลปินเริ่มจะได้แล้ว แต่งานไม่รู้จะได้กลับไปทำตอนไหน รัฐจะอนุมัติเมื่อไหร่ ถ้าไม่มีงานศิลปินก็จบเลย เพราะไม่มีเงินเดือนประจำมีรายได้จากงานร้องเพลงและเล่นดนตรี ตอนนี้ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เปิดได้และมีแอร์ด้วย แต่ว่าลานเพลินข้างนอกยังมีปัญหา ตรงนี้อยากให้ผู้ใหญ่พิจารณาหาวิธีช่วยเหลือด้วย เข้าใจว่าทุกอาชีพก็แย่ก็ลำบาก และก็ยังมีคนที่แย่กว่าเรา แต่ศิลปินก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่เดือดร้อน วิธีไหนที่จะทำให้พวกเรากลับมาทำงานได้บ้าง อยากให้หาให้ได้ อันนี้ไม่ได้พูดเฉพาะปอยฝ้ายนะ ศิลปินส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้สึกอย่างนี้”  

ศิลปินลูกทุ่ง.jpg

ทั้งนี้ วันเดียวกัน ปอยฝ้าย พร้อมด้วย ดร.ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม, ดร.พงษ์ศักดิ์ จริยะเอี่ยมอุดม ผู้บริหารค่ายท็อปไลน์ มิวสิค และศิลปินลูกทุ่ง อาทิ ยิ่งยง ยอดบัวงาม, สลักจิต ดวงจันทร์, บัวผัน ทังโส, ญาณิ ท็อปไลน์, ยายแหวง ท็อปไลน์, เจน-นุ่น-โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์, ดอกแค ท็อปไลน์, แนนซี่ ท็อปไลน์ ได้ร่วมกันแจกข้าวกล่อง และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับประชาชนใน ซ.ภูมิจิตร ถ.พระราม 4 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย สน.คลองตัน ร่วมกับ บริษัท ท็อปไลน์ มิวสิค ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19