ไม่พบผลการค้นหา
ทวิตเตอร์ ปรับนโยบายใหม่ เริ่มนับว่าทวีตข้อความที่มีเนื้อหาลดทอนความเป็นมนุษย์ของกลุ่มผู้นับถือศาสนาใดๆ เป็นการกระทำที่สร้างความเกลียดชัง หากถูกรายงานจะถูกลบทวีต และเจ้าของทวีตมีสิทธิถูกระงับบัญชี

วันที่ 9 กรกฎาคม ทวิตเตอร์ได้ออกแถลงการปรับนโยบายใหม่ ให้นับว่าการทวีตข้อความที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นเพียงเพราะความเชื่อทางศาสนาที่เขานับถือ จัดเป็นการกระทำที่สร้างความเกลียดชัง

ส่งผลให้นับตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมเป็นต้นไป ทวีตที่เข้าข่ายดังกล่าวจะถูกลบหากมีการส่งรายงานการละเมิดหรือรีพอร์ตถึงทวิตเตอร์ และเจ้าของบัญชีจะได้รับบทลงโทษ ตั้ง���ต่การปิดไม่ให้ทวีตชั่วคราว ไปจนถึงการระงับบัญชีถาวร

ทั้งนี้ ทวีตสร้างความเกลียดชังต่อผู้นับถือศาสนา ซึ่งถูกทวีตก่อนวันที่จะประกาศใช้นโยบายนี้ ก็จะถูกลบเช่นกันหากมีการรีพอร์ต แต่เจ้าของทวีตนั้นจะไม่ถูกระงับบัญชี เนื่องจากเป็นการกระทำที่เกิดก่อนทวิตเตอร์ประกาศบังคับใช้กฎนี้

ทางทวิตเตอร์ได้ยกตัวอย่างลักษณะของทวีตที่สร้างความเกลียดชังต่อผู้นับถือศาสนา 4 ตัวอย่าง ดังนี้

  • "เราต้องกำจัดพวกหนูสกปรก ไอ้พวก (ชื่อกลุ่มความเชื่อทางศาสนา) มันน่ารังเกียจ"
  • "(ชื่อกลุ่มความเชื่อทางศาสนา) เป็นเชื้อร้าย พวกมันทำประเทศนี้ป่วย"
  • "(ชื่อกลุ่มความเชื่อทางศาสนา) ควรถูกลงโทษ เรายังกำจัดไอ้พวกสัตว์สกปรกพวกนี้กันไม่พอ"
  • "ประเทศนี้ไม่ต้องการ (ชื่อกลุ่มความเชื่อทางศาสนา) เกินพอแล้วสำหรับหนอนแมลงพวกนี้"

นอกจากนี้ ทางทวิตเตอร์ยังมีแผนจะขยายการคุ้มครองลักษณะนี้ไปใช้กับกลุ่มผู้ควรได้รับการคุ้มครองอื่นๆ นอกจากกลุ่มผู้นับถือศาสนาด้วย โดยจะทำการหารือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกองค์กรเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนปรับใช้

ในปีก่อน ทวิตเตอร์ได้เปิดรับความเห็นผู้ใช้งานเพื่อช่วยออกแบบกฎป้องกันการลดทอนความเป็นมนุษย์ของ 'กลุ่มบุคคลที่สามารถจำแนกได้' โดยได้รับการตอบรับกว่า 8,000 ความเห็น จากคนกว่า 30 ประเทศ โดยหนึ่งในความเห็นที่มีมากคือกลุ่มบุคคลที่จำแนกได้นั้นเป็นการจัดประเภทที่กว้างเกินไป ทวิตเตอร์จึงตีกรอบใหม่และเริ่มทดสอบการใช้นโยบายนี้กับกลุ่มผู้นับถือศาสนาก่อนเป็นกลุ่มแรก

"เราสร้างกฎต่างๆ ขึ้นเพื่อทำให้คนใช้ทวิตเตอร์ได้อย่างปลอดภัย และกฎพวกนี้ก็จะวิวัฒน์ไปเพื่อตอบรับกับความเป็นจริงของโลกซึ่งทวิตเตอร์ให้บริการ" ทวิตเตอร์ระบุ พร้อมชี้ว่าทางทวิตเตอร์ให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในโลกออฟไลน์เป็นหลัก และงานวิจัยก็สนับสนุนว่าถ้อยคำลดทอนความเป็นมนุษย์เหล่านี้ เพิ่มความที่จะเกิดอันตรายในโลกออฟไลน์จริงๆ

ที่มา: Twitter / The Verge

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: