ไม่พบผลการค้นหา
มีกระแสข่าวรายงานระบุว่า อัยการสั่งไม่ฟ้อง 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร' พร้อม 'พวก' ในข้อหาร่วมกันฆ่า 'บิลลี่-พอละจี' แต่คงความผิดมาตรา 157 ด้านนักกฎหมายสิทธิ ยันดีเอสไอสามารถส่งความเห็นแย้งได้

แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 โดยนายชวรัตน์ วงศ์ธนสมบูรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งคืนสำนวนการสอบสวนจำนวน 17 แฟ้มในคดีที่ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกรวม 4 คนในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กรณีการเสียชีวิตของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก –บางกลอย และความผิดฐานอื่นๆ

ทั้งนี้ พนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคัม ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฎฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยง ให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้

รวมถึงร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม, ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดติดตัวไปด้วย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดใดแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,147, 148, 289(4) (7),309, 337, 340 ตรี และป.วิอาญา มาตรา 150 ทวิ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 คงมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 กรณียึดน้ำผึ้งป่าของบิลลี่ แล้วปล่อยตัวไปโดยไม่นำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักของป่า ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีฆาตกรรมนายพอละจี จำนวน 8 ข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม เพจHuman Rights Lawyers Association ของ สมาคมนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า กรณีสั่งไม่ฟ้องนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ยังมีอำนาจในการทำความเห็นแย้งอยู่ ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีที่อัยการมีความเห็นไม่ตรงกับพนักงานสอบสวน ความว่า "หากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นชอบด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ คำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการเป็นคำสั่งเด็ดขาด

หากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วมีความเห็นแย้งกับคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการก็จะต้องส่งความเห็นพร้อมทั้งเหตุผลในการแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดต่อไป

หากอัยการสูงสุดชี้ขาดให้ฟ้อง (เห็นด้วยกับความเห็นแย้ง) ก็จะมีคำสั่งให้พนักงานอัยการฟ้องคดี ต่อศาล หรือหากอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้อง (เห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ) คำชี้ขาดของอัยการสูงสุด เป็นที่ยุติ และมีผลเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง" โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145


อ่านเพิ่มเติม