นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เห็นข่าวเรื่องการใช้ AI (Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์) ในการคัดกรองผู้ได้รับความเดือดร้อน แล้วคิดถึงหนังสือ AI Superpowers ที่เขียนโดย ดร.หลี่ไคฟู่ (Kai-Fu Lee 李开复) ผู้เชี่ยวชาญ AI ระดับต้นๆ ของประเทศจีน ในหนังสือเล่มนี้อธิบายถึงการพัฒนา AI ในประเทศจีน เปรียบเทียบกับใน Silicon Valley และ การจัดระเบียบโลกใหม่จาก AI

มีตอนหนึ่ง ดร.หลี่ไคฟู่ เล่าถึงการแข่งขันหมากล้อม (โกะ) ในปี 2017 (60) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวจีน เค่อเจี๋ย (Ke Jie 柯洁​) กับ อัลฟาโกะ (AlphaGo) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาโดย Google

โดยหมากล้อม เป็นเกมส์ที่มีความสลับซับซ้อนมาก ถึงแม้ว่ากฎของการเล่นโกะจะมีเพียงไม่กี่บรรทัด แต่ความเป็นไปได้ในการเดินของแต่ละกระดานมีมากกว่าจำนวนอะตอมในจักรวาล และ ซับซ้อนกว่าหมากรุกมาก ทำให้ในอดีตไม่มีใครคิดว่าคอมพิวเตอร์จะเอาชนะคนได้

แต่ในการแข่งขันระหว่างเค่อเจี๋ยกับ AlphaGo ปรากฎว่า AI เอาชนะแชมป์โลกได้ทั้งสามกระดาน โดยการเล่นแต่ละกระดานใช้เวลาเล่นมากกว่าสามชั่วโมง เค่อเจี๋ยได้พยายามทุกวิถีทาง แต่ AI ไม่เปิดช่องโหว่และค่อยๆ บดขยี้เขา ดูเหมือนว่า AI จะเป็นผู้ชนะมนุษย์อย่างราบคาบ แต่ ดร.หลี่ไคฟู่ เล่าว่าเขาได้ดูการถ่ายทอดสดการแข่งหมากล้อมในครั้้งนั้น และ เขาได้เห็นความหวัง และ ทางรอดของมนุษยชาติในยุคของ AI

นายชัชชาติ เล่าต่อว่า เมื่อเกมส์การแข่งขันเริ่มไปได้ 2 ชั่วโมง 51 นาที เค่อเจี๋ย ผู้ที่เหมือนกับแบกศักดิ์ศรีของมนุษยชาติไว้ ถึงทางตัน เขาร้องไห้ ถอดแว่นตา และ ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา วินาทีนั้น ที่ ดร.หลี่ไคฟู่บอกว่าเขาเห็นทางรอดของมนุษย์ในยุคอนาคต เขาอธิบายว่า AI ไม่ดีใจหรือเสียใจ ไม่ร้องไห้ ไม่หัวเราะ เมื่อชนะหมากล้อม เพราะมันแค่ทำตาม Algorithms ที่คนกำหนดไว้ ส่วนคน มีอารมณ์ ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ นี่คือความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง AI กับ มนุษย์ และ สิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญในชีวิตเรา

เราจะอยู่รอดในอนาคตได้ ไม่ใช่ด้วยแค่ AI แต่เราจะอยู่รอดได้ด้วย ความเข้าใจ ความรัก ความห่วงใย ที่ทำให้เราเป็น "คน"