ไม่พบผลการค้นหา
สหรัฐฯ เมินคำร้อง 'ไทย' ไม่ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากไทย ฟาก 'รมว.พาณิชย์' ยืนยันเดินหน้าเจรจา เตรียมส่ง รมช. เยือนสหรัฐกลางเดือน ก.ค. หาทางออก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินใจที่จะไม่ยกเว้นการเก็บภาษีเป็นรายประเทศให้กับประเทศไทย ตามที่ไทยร้องขอ โดยยังคงยืนยันการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากไทยในอัตราร้อยละ 25 และร้อยละ 10 ตามลำดับ ภายใต้มาตรา 232 กฎหมาย Trade Expansion Act 1962 หลังจากเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR เพื่อขอให้พิจารณายกเว้นการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวจากไทย และแม้จะไม่ได้รับการยกเว้นในตอนนี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ท้อถอยและไม่หยุดเจรจา เพื่อผลประโยชน์ของประเทศต่อไป

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้สอบถามไปยัง USTR เพื่อขอรับทราบเหตุผล หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากไทย ภายใต้มาตรา 232 ไปแล้ว โดยได้รับคำชี้แจงว่า USTR มีหน้าที่จัดทำความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่การตัดสินใจจะยกเว้นหรือไม่ อยู่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียงคนเดียว แม้ว่าข้อมูลที่แต่ละประเทศยื่นประกอบการพิจารณาจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสหรัฐฯ ก็ตาม

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์ได้ทำหนังสือไปยังสหรัฐฯ อีกครั้ง เพื่อขอให้พิจารณายกเว้นไทยเป็นรายประเทศ โดยยืนยันว่า ไทยมีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะได้รับการยกเว้น เพราะมีความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ อีกทั้ง ปริมาณการส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมของไทยไปสหรัฐฯ มีสัดส่วนน้อย ไม่ส่งผลกระทบ และไม่เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมภายในของสหรัฐฯ และสินค้าทั้ง 2 รายการจากไทย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าขั้นต้นและขั้นกลาง ที่สหรัฐฯ นำไปผลิตเป็นสินค้าขั้นสูง และไทยมีมาตรการแก้ไขปัญหา เพื่อจำกัดปริมาณการส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ และแก้ปัญหาการผลิตเหล็กเกินความต้องการของตลาดโลก เช่น การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มและการอุดหนุน (AD/CVD) การใช้มาตรการป้องกันการแอบอ้างการสวมสิทธิเหล็กที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ผลิตเหล็กและอลูมิเนียมแอบอ้างถิ่นกำเนิดจากไทย (ROO) ส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นต้น

ด้าน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดจะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ และจะขอหารือกับ USTR ในเรื่องเหล็ก เพื่อตอกย้ำอีกครั้ง รวมถึงประเด็นปัญหาการค้าอื่นๆ เช่น กรณีสหรัฐฯ จะกดดันให้ไทยเปิดตลาดนำเข้าหมูและเครื่องในที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้าง และกรณีสมาพันธ์ผู้ผลิตสุกรแห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้ตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ GSP สินค้าไทย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้ไขปัญหาส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ได้มีคำแนะนำให้ผู้ส่งออกของไทยประสานกับผู้นำเข้าสหรัฐฯ ที่เป็นคู่ค้า ให้ยื่นเรื่องขอยกเว้นการเก็บภาษีเป็นรายสินค้ากับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสำหรับการส่งออกแต่ละครั้งแล้ว

สะเทือนอุตสาหกรรมส่งออกเหล็กไทยมูลค่า 3.36 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เคยประเมินมูลค่าส่งออกสินค้าในกลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียมไทยไปยังตลาดสหรัฐในปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่า ไทยส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าไปยังสหรัฐมูลค่า 153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของการส่งออกของไทยทั้งหมด ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กมีมูลค่า 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.5 อะลูมิเนียม มูลค่า 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.5 รวมทั้ง 3 รายการ มีมูลค่าส่งออก 1,053 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 33,600 ล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.5 

ขณะที่ ปีที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทั้งสิ้น 26,536 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของการส่งออกทั้งหมด โดยสหรัฐฯ เป็นปลายทางของการส่งออกสินค้าประเภทเหล็กและเหล็กกล้า รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่มีสัดส่วนมากที่สุด เป็นอันดับ 1 ใน 3 ของปลายทางการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวของไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :