ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้อง ป.ป.ช.สอบปารีณา-สรวุฒิ-จิรพงษ์ ส่อขาดคุณสมบัติถือครองที่ดินต้องห้าม

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้อง ต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวน สอบสวนเอาผิด นายปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เนื่องจากได้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท.5 โดยที่อาจจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด

ซึ่งที่ดิน ภ.บ.ท.5 นั้นมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2519 กำหนดบรรทัดฐานไว้ว่า “ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง” และคำพิพากษาฎีกาที่ 4347/2544 ได้กำหนดบรรทัดฐานไว้ด้วยเช่นกันว่า “ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 2518 ม.26(4) บัญญัติว่า “ถ้าเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อคณะรัฐมนตรีปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติส่วนใดแล้ว เมื่อ ส.ป.ก. จะนำที่ดินแปลงใดในส่วนนั้นไปดำเนินการปฏิรูปที่ดิน พรฎ.กำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในที่ดินแปลงนั้น”  

ดังนั้นที่ดินพิพาทเมื่อยังมิได้มีการปฏิรูปที่ดิน แม้จะมีพรฎ.กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินออกมาแล้วก็ตาม พรฎ.ดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดการปฏิรูปที่ดินเท่านั้น ไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในทันที พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติยังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอยู่ อีกทั้ง ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พ.ศ.2562 ของ ส.ส.ทั้ง 3 ราย ปรากฏโดยชัดแจ้งว่ามีทรัพย์สินและรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการขัดต่อ พรฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ.2535 และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2555 ได้กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากจนไว้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปีเท่านั้น

ทั้งนี้ส.ส.ทั้ง 3 คนย่อมรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิในการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. หรือ ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืนให้รัฐเพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่าอาจมีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่และฝ่าฝืนกฎหมายอันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรงในข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 และยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักในข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 17 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมทั่วไปในข้อ 21 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติอีกด้วย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อดำเนินการเอาผิดหรือลงโทษ ส.ส.ทั้ง 3 คนต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด